เที่ยววันเดียวก็เพียงพอ ที่จะทำให้แม่สุขใจ
Thursday, March 6th, 2008 ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันแม่ ไม่จำเป็นต้องพาแม่ไปเที่ยวต่างประเทศหลาย ๆ วัน เพียงมีเวลาให้แม่แค่วันเดียวก็ทำให้แม่สุขใจแล้ว วันสุดท้ายของสัปดาห์ผมได้มีโอกาสกลับบ้านทัพยายท้าว จ.นครปฐม เพื่อไปเยี่ยมแม่ที่บ้าน ซึ่งพักหลังนี้เราไม่ค่อยได้เจอกันซักเท่าไร เมื่อได้มีโอกาสได้คุยกันก็ถามถึงสาระทุกข์สุขดิบตามประสาคนห่างกัน เราคุยกันได้ซักครู่ใหญ่ ผมก็พอจะจับใจความถึงความต้องการของแม่ผมได้ว่า เมื่อพ่อไม่อยู่ก็ไม่ค่อยมีคนพาไปไหนต่อไหน อยากจะไปทำบุญหรือไปไหนก็ไม่มีคนขับรถพาไป ผมจึงตั้งใจว่าในวันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันเสาร์ ผมจะพาท่านไปทำบุญและพาไปเที่ยวเพื่อความสบายใจของท่าน โดยการไปครั้งนี้ผมกะว่าจะพาท่านไปทำบุญที่วัดไร่ขิง แล้วเที่ยวชมตลาดน้ำดอนหวาย จากนั้น ก็จะแวะนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ในตอนขากลับ รุ่งเช้าวันเสาร์เวลา 08.00 น. หลังจากที่ผมออกเดินทางผมเลือกใช้เส้นทางเพชรเกษมสายเก่า จากบ้านทัพยายท้าว ผ่าน ม.ราชภัฏนครปฐม ผ่านสามแยกมาลัยแมน และเข้าสู่ถนนเพชรเกษม ผ่านแยกท่านา (แยก อ.นครชัยศรี) จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังอำเภอสามพราน ก่อนจะถึงทางเข้าวัดไร่ขิง ผมผ่านแยกไปพุทธมณฑลสาย 4 และขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน พอลงจากสะพานผมก็ชิดซ้ายประมาณ 500 เมตร ก็จะมีป้ายบอกไปวัดไร่ขิง ผมเลี้ยวซ้ายแล้วขับตามถนนเส้นลาดยางมาประมาณ 3 กม. ก็ถึงทางเข้าวัดไร่ขิง
พอมาถึงในบริเวณวัดผมก็วนหาที่จอดรถทันที วันนี้มีผู้คนแห่เข้ามาทำบุญกันเยอะมาก เนื่องจากเป็นวันหยุด และรถในบริเวณวัดก็เยอะจริง ๆ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาในการหาที่จอดรถเพราะว่าบริเวณวัดกว้างใหญ่ครับ เมื่อลงจากรถผมก็พาแม่ไปยังหน้าวัดเพื่อทำบุญ แล้วนำดอกไม้ธูปเทียนและทองเปลว นมัสการและบูชาหลวงพ่อวัดไร่ขิง รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดแล้วก็นั่งพักภายในพระอุโบสถซักครู่ เพื่อชมปฏิมากรรมอันงดงามภายในพระอุโบสถวัดไร่ขิง
จากนั้นไม่นาน แม่ก็ชวนผมไปกินก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัด ผมเองก็ไม่ขัดข้องอาสาพาไปอยู่แล้ว ผมจึงพาท่านมาที่ท่าเรือด้านหลังวัดไร่ขิง เพื่อคอยเรือโดยสารที่จะพาข้ามฝั่ง (ฟรี) เมื่อเรือมาถึงก็พาแม่ลงเรือเป็นรายท้าย ๆ ก่อนที่เรือจะออก อีกไม่นานก็มีตากล้องมาขอถ่ายรูปผู้โดยสารบนเรือแต่ผมขอปฏิเสธ และบอกว่ามีกล้องอยู่แล้ว (อันนี้รู้อยู่แล้วครับว่าจะเอารูปไปติดกับจานเพื่อเป็นของที่ระลึก) เมื่อถึงฝั่ง ผมก็ลงจากเรือและพาแม่ไปชิมก๋วยเตี๋ยว และหมูสเต๊ะที่ขึ้นชื่อของร้านทันที ระหว่างการรอก็ทำทานด้วยการให้อาหารปลาสวายที่ดำผุดดำโผล่อยู่เป็นจำนวนมาก ระหว่างการรอผมก็ชมบรรยากาศอันเย็นสบายริมแม่น้ำท่านจีน ซึ่งชาวบ้านบริเวณนั้นพายเรือนำพืชผลทางการเกษตรมาขาย อาทิเช่น ไอศกรีม ผลไม้ต่าง ๆ เมื่ออาหารมาถึงก็ไม่รอช้าผมบอกให้แม่เปิดก่อน ผมจะตามทันที เมื่อสิ้นสุดจากอาหารมื้อกลางวันผมก็ชวนแม่ขึ้นเรือกลับฝั่งวัดไร่ขิง ระหว่างรอก็เห็นรูปของลูกค้ารายอื่น ๆ ที่ติดกับจานที่ระลึกจำนวนมากตั้งอยู่ แต่ผู้จำหน่ายเขาไม่บังคับซื้อ แต่มีลูกค้าหลายรายซื้อกลับไปเป็นของที่ระลึก เมื่อเรือมาถึงฝั่งผมก็ชวนแม่ลงเรือเพื่อข้ามไปยังฝั่งวัดไร่ขิง แล้วขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังตลาดน้ำดอนหวาย
ขับออกจากวัดไร่ขิงแล้วเลี้ยวซ้ายไปต่ออีก 3 กม. ก็จะเห็นวัดดอนหวาย ซึ่งด้านหลังวัดดอนหวายนี้มีตลาดน้ำดอนหวายที่ขึ้นชื่อในเรื่องของอาหารให้ได้ ลิ้มลองอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เป็ดพะโล้ ขนมไทย ผลไม้ขึ้นชื่อของจ.นครปฐม และร้านอาหารอีกมากมาย ผมวนหาที่จอดรถได้ก็เล่นเอาเกือบแย่ เพราะวันนี้รถเยอะมาก เมื่อจอดรถแล้วก็พาแม่เดินมายังทางเข้าตลาดน้ำดอนหวาย ซึ่งมองไปสองข้างทางก็มีแต่ของกินเป็นส่วนใหญ่
ผมก็อดไม่ได้ที่จะซื้อของฝากกลับบ้านทุกคราเมื่อมาที่นี่ ผมติดใจขนมปอเปี๊ยะสดที่ขึ้นชื่อของที่นี่ และเป็ดพะโล้ก็เช่นกันครับ (จำชื่อร้านไม่ได้ แต่จำหน้าคนขายได้ครับ) เมื่อได้ของฝากผมก็หาอาหารอื่น ๆ อีกไม่กี่อย่าง เพื่อจะนำลงไปทานบนเรือ ผมกับแม่ลงเรือโดยต้องเสียค่าใช้จ่ายต่อหัว ๆ ละ 80 บาท
จากนั้นไม่นานผมก็ได้ล่องเรือชมแม่น้ำท่านจีน สองฝากฝั่งของแม่น้ำท่าจีนยังมีวิถีการดำเนินชีวิตแบบเรียบง่ายให้เห็นอยู่
สังเกตได้จากการที่ชาวบ้านปลูกพืชน้ำไว้เป็นจำนวนมากเพื่อมาประกอบอาหารและแบ่งไว้จำหน่าย และบ้านเรือนของสองฝั่งแม่น้ำท่านจีนยังมีบ้านเก่าแก่ให้ชมอีกหลายแบบซึ่งปัจจุบันหาชมได้ยากแล้ว
ซึ่งก็ทำให้แม่ผมคิดย้อนไปสมัยเด็กและเล่าเรื่องสมัยยังเป็นเด็กให้ผมฟังอีก (เคยฟังแล้วหลายรอบด้วย แต่ก็ต้องฟังอีก ^_^”) เมื่อได้ระยะเรือก็วนพาผู้โดยสารมาส่งที่ท่าเรือตลาดน้ำดอนหวาย ผมมออกจากตลาดน้ำดอนหวานเวลาประมาณ 15.00 น. เห็นจะได้ โดยเลี้ยวซ้ายเพื่อออกไปทางกรุงเทพฯ สายใหม่ (ไม่กลับทางสายเก่า) เมื่อถึงถนนเส้นสายใหม่ (เส้นหลัก) ก็เลี้ยวซ้ายเพื่อมุ่งหน้ามายัง อ.เมืองนครฐปม ผ่านท่าน่า (แยก อ.นครชัยศรี) ผ่านแยกบ้านแพ้วมาประมาณ 800 เมตร ก็วิ่งขึ้นสะพานลอยเพื่อเข้าตัวเมืองนครปฐม จากจุดนี้มองเห็นองค์พระปฐมเจดีย์มาแต่ไกลครับ ผมขับรถวิ่งเข้าไปภายในบริเวณรอบนอกองค์พระปฐมเจดีย์และหาที่จอดรถทางด้านหน้าองค์พระปฐมเจดีย์
ผมเดินออกมาทางด้านหน้าองค์พระปฐมเจดีย์เพื่อเข้าตลาดนครปฐม จากนั้นก็เลือกซื้อของใช้ที่จำเป็นต่าง ๆ ซึ่งผมเดินตั้งแต่ตลาดบน ถึงตลาดล่าง แต่ก็เดินไม่ทั่วทั้งหมดหรอกครับเพราะตลาดนครปฐมค่อนข้างจะใหญ่ และมีของให้เลือกซื้อมากมาย ทั้งอุปโภคและบริโภค จนเวลา17.30 น. ผมและแม่ก็เดินเข้าไปในองค์พระปฐมเจดีย์ จากนั้นเราก็เข้าไปนมัสการและกราบขอพรจากพระร่วงโรจนฤทธิ์ และเดินขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนองค์พระปฐมเจดีย์
จนเวลา 18.30 น. ผมและแม่ก็เดินไปทางประตูทิศตะวันตกขององค์พระปฐมเจดีย์ เพื่อชมตลาดยามราตรีขององค์พระปฐมดีย์ ซึ่งมีอาหารแปลก และอร่อยมากมาย เช่น ไอศครีมลอยฟ้า บัวลอยแต้จิ๋ว เต้าทึงมหาบัณฑิต ฯลฯ ส่วนผมกับแม่ก็หาอะไรทานแบบง่าย ๆ ครับ มื้อนี้ได้หอยทอดคนละห่อครับ แค่นี้ก็อิ่มเหลือเกิน
ผมกับแม่เดินเล่นกันซักครู่จับจ่ายซื้อของกันไม่นานจนได้เวลา 20.00 น. จึงเดินทางกลับบ้านครับ เพื่อน ๆ ที่อ่านอย่าลืมพาคุณแม่และคุณพ่อไปเที่ยวบ้างนะครับ และผมเชื่อว่าคุณพ่อและคุณแม่ทุกท่านที่มีลูก จะไม่มีทางลืมลูกตัวเองได้ แต่จะคอยดูลูกตัวเองเติบโตและคอยเป็นกำลังใจพร้อมให้ความช่วยเหลือลูก ๆ ทุกคนอยู่เสมอ
เรื่องเล่าการเดินทาง จาก Mr.annaontour |