ทัวร์ตะรุเตา ทัวร์หลีเป๊ะ ทัวร์อาดัง 4,950 บาท รถตู้ VIP จากกทม. สู่ จ.สตูล ท่าเรือปากบารา เกาะไข่ เกาะหลีเป๊ะ เกาะหินซ้อน เกาะหินงาม เกาะอาดัง - ราวี ร่องน้ำจาบัง 3 วัน 4 คืน
ทัวร์ตะรุเตา ทัวร์หลีเป๊ะ
ฤดูร้อนปีนี้ เป็นปีที่ร้อนเอามาก ๆ มากถึงประมาณ 40 องศาเซลเซียสเลยก็ว่าได้ จึงทำให้ใครต่อหลายคนอดคิดถึงทะเลไม่ได้ แต่ถ้าจะให้ดีนั้นคุณต้องไปทะเลฝั่งอันดามันถึงจะทำให้คุณหายร้อนไปอีกเยอะ เพราะว่าทะเลฝั่งอันดาเป็นทะเลที่ขึ้นชื่อเอามาก ๆ ทำไมนะเหรอครับ ก็เพราะชายหาดทรายขาว น้ำทะเลใส ท้องฟ้าสีคราม จึงทำให้การท่องเที่ยวทะเลฝั่งอันดามันคึกคักไม่ใช่น้อย ทริปนี้พวกเราตัดสินใจไปจังหวัดสตูล และกะว่าทริปนี้จะไปทัวร์เกาะตะรุเตา ทัวร์เกาะหลีเป๊ะ ทัวร์เกาะอาดัง เพราะที่นี่ธรรมชาติใต้น้ำยังคงอุดมสมบูรณ์อยู่มาก และที่สำคัญผมได้ยินคนสตูลคนหนึ่งบอกกับผมว่า “จังหวัดสตูลเป็นจังหวัดที่ติดสามชายแดนภาคใต้เป็นซึ่งพื้นที่เสี่ยงภัย แต่ทำไมจังหวัดสตูลถึงไม่มีพวกก่อการร้าย เนื่องจากว่าคนสตูลเป็นคนไม่เอาเปรียบใคร ซื่อตรง พูดคำไหนคำนั้น” ตรงนี้แหละเป็นแรงบัลดาลใจที่ทำให้ผมออกเดินทางไปจังหวัดสตูล และใช้ชื่อทริปการเดินทางครั้งนี้ว่า ทัวร์ตะรุเตา ทัวร์หลีเป๊ะ พร้อมกับเพื่อนร่วมเดินทางหน้าเดิมอีก 2 ราย ได้แก่ ป้อมปี่ กับยูมิโกะ

การเดินทางครั้งนี้ผมได้ติดต่อกับคุณเจี๊ยบ ผู้จัดการตอง ตอง ทัวร์ ในการจองตั๋วเรือ กับที่พักให้กับพวกเรา เนื่องจากวันที่เราเดินทางเป็นวันหยุดเทศกาลที่พักเต็ม ทริปนี้พวกเราออกเดินทางพร้อม ๆ กันที่หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมเหมือนเคย โดยรีบออกเดินทางตั้งแต่ช่วงเย็นกลัวว่าจะไปเช้าที่ จ.สตูลไม่ทัน ก่อนเดินทางพวกเราทราบมาว่าหากเดินทางไป จ.สงขลา จะเป็นการเสียเวลาและเป็นการอ้อมประมาณ 100 กว่ากิโลเมตร เพราะจะต้องไป อ.เมืองสงขลาก่อน ถึงจะมาถึง อ.ละงู ซึ่งท่าเรือปากบาราตั้งอยู่ที่ อ.ละงู หากจะมาทางท่าเรือปากบารา อ.ละงู ที่ใกล้กว่า ให้เลี้ยวไปทาง จ.ตรัง ไม่ต้องเลี้ยวเข้าเมืองตรัง ให้ขับผ่านสี่แยกไฟแดงไป อ.เมืองตรัง-อ.สิเกา ให้ขับตรงไปถึงสี่แยกไฟแดงบ้านควน จากนั้นให้เลี้ยวขวา เพื่อที่จะไป จ.สตูล ซึ่งจะผ่านสนามบิน จ.ตรัง (จะอยู่ด้านซ้ายมือ) มุ่งหน้าไปทาง อ.ปะเหลียน (ประมาณ 37 กม.) จะพบสามแยกปะเหลียน จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายไปทาง อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล เมื่อถึงสี่แยก อ.ทุ่งหว้า ให้เลี้ยวซ้าย ขับตรงไปประมาณ 40 กม. จะพบท่าเรือปากบารา


ท่าเรือปากบารา เป็นท่าเรือที่อยู่ใกล้เกาะตะรุเตามากที่สุด ระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตร และใกล้ท่าเรือเป็นที่ตั้งของศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติตะรุเตา บริเวณท่าเรือปากบารายังมีบริษัทเอกชนนำเที่ยว และบริการเรือของบริษัทเอกชนไปยังเกาะตะรุเตา และเกาะหลีเป๊ะ เกาะอาดัง เกาะราวี เกาะหินงาม ฯ


เมื่อพวกเราเดินทางไปถึงท่าเรือปากบารา จึงติดต่อกับคุณเจี๊ยบ เพื่อจะเสียค่าใช้จ่ายในการข้ามไปบนเกาะ โดยต้องเสียค่าบัตรไปกลับเที่ยวละ 700 บาท รวมเป็น 1,400 บาท ค่าที่พักประมาณ 700 บาท แต่เป็นห้องพัดลม แต่ถ้าหากใครอยากนอนสบายหน่อย ก็ต้องติดต่อที่พักที่เป็นห้องแอร์ คืนหนึ่งประมาณ 3,000 บาท ขึ้นไป คุณเจี๊ยบบอกกับพวกเราว่า ได้จองที่พักให้ในคืนนี้แล้วที่หลีเป๊ะบีช รีสอร์ท ซึ่งตั้งอยู่ที่หาดชาวเลบนเกาะหลีเป๊ะ ส่วนการเดินทางโดยเรือสปีดโบ๊ท จะออกช่วงประมาณ 10.00 น. แต่เนื่องด้วยเป็นวันหยุดยาว จึงทำให้มีคนมาท่องเที่ยวที่เกาะตะรุเตาเยอะมาก จึงต้องเลื่อนการเดินทางเป็นช่วงเวลา บ่าย 2 โมง ไม่มีปัญหาสำหรับพวกเราครับ เพราะช่วงเวลาที่ว่าง พวกเรากะว่าจะไปสำรวจอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรากันต่อเลย


อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตราอยู่ห่างจากท่าเรือปากบาราประมาณ 5 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งบนบกและทะเล ประมาณ 494.38 ตารางกิโลเมตร ได้ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2527 ครอบคลุมพื้นที่ชายหาดตลอดแนวฝั่งทะเลในท้องที่ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู ตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล และตำบลสุกร อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ที่สำคัญคือ เกาะเภตรา เกาะเขาใหญ่ เกาะละโละแบนแต เกาะลิดี เกาะบุโหลน เกาะเหลาเหลียง และเกาะเปรามะ ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาลาดชันสูง มีพื้นที่ราบบริเวณหุบเขาและชายหาด หลังจากพวกเรามาถึงแล้วก็หาอาหารกลางวันทานกันก่อน จากนั้นก็เดินเที่ยวชมรอบอุทยานฯ ซึ่งมีต้นไม้ปกคลุมเป็นจำนวนมาก สร้างความร่มรื่น และเย็นสบายให้กับ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในอุทยานฯ และที่สำคัญพวกเราสะดุดตากับจุดชมวิวของอุทยานฯ ที่มีสะพานทอดยาวขนานไปกับแนวเขา ยื่นออกไปกลางทะเล พวกเราถ่ายภาพวิวสวย ๆ และนั่งพักผ่อนจนใกล้จะถึงเวลาที่เรือสปีดโบ๊ทจะมารับ จึงเดินทางย้อนกลับมายังท่าเรือปากบารา







และได้นำรถไปฝากที่ลานจอดรถของคุณเจี๊ยบ จากนั้นจึงไปรอเรือที่ท่าเรือตอน 14.00 น. แต่ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวเยอะ และบริษัทเรือเร็วมีด้วยกัน 5 บริษัทด้วยกัน จึงไม่เพียงพอในช่วงเทศกาล พวกเราได้ขึ้นเรือสปีดโบ๊ท 5 เครื่องยนต์ ประมาณ 15.30 น. จำนวน 80 ที่นั่ง แต่จำนวนคนที่ขึ้นไปประมาณไม่ต่ำกว่า 120 คน เพราะผมต้องยืนอยู่บนเรือเร็วประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า จึงจะถึงเกาตะรุเตา


ส่วนใหญ่เป็นภูเขาที่มีสภาพเป็นป่าดิบชื้นซึ่งยังมีพรรณไม้และสัตว์ป่าที่น่าสนใจจำนวน ไม่น้อย และมีพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นป่าชายเลน นอกจากนี้ยังมีอ่าวน้อยใหญ่ที่มีชายหาดสวยงามอยู่หลายแห่ง และในท้องทะเลของเกาะตะรุเตายังมีพันธุ์ปลามากมายหลายชนิดรวมทั้งเต่าทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์ 4 ชนิด คำว่า ” ตะรุเตา ” นี้ เพี้ยนมาจาก คำว่า ” ตะโละเตรา ” ในภาษามลายูแปลว่า มีอ่าวมาก


ที่เกาะตะรุเตานี้เรือจะจอดที่ท่าเรือ เพื่อส่งนักท่องเที่ยวที่จะมาค้างที่เกาะตะรุเตาก่อน จุดนี้พวกเราไม่ได้ลงไปแวะเนื่องจากเป็นช่วงเย็นมากแล้ว จอดได้ประมาณไม่ถึง 10 นาที เรือก็ไปต่อขับไปได้ประมาณ 20 นาที ก็ไปถึงเกาะไข่ เกาะไข่เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาวเนียนละเอียด และมีช่องลอดผ่านอันเป็นปฏิมากรรมปั้นแต่งจากธรรมชาติที่สวยงาม จึงได้รับเลือกเป็นเกาะสัญลักษณ์การท่องเที่ยว ที่เกาะไข่ยังมีเต่ามะเฟือง เต่าสังกะสีจำนวนมากขึ้นมาวางไข่ในช่วงเดือนพฤศจกายนของทุกปี ท้องทะเลแถบนี้มีปะการังเขากวางมาก ที่เกาะไข่นี้พวกเราก็ไม่ได้ลงไปบนเกาะเช่นกัน เรือได้แต่เพียงจอดให้ถ่ายรูปเท่านั้น


จากนั้นเรือก็แล่นไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงท่าเรือเกาะหลีเป๊ะ พวกเราลงโป๊ะที่ท่าเรือ จากนั้นก็นำสัมภาระขึ้นเรือหางยาว ลำหนึ่งจะบรรทุกผู้โดยสารประมาณ 10 ท่าน ค่าจ้างก็คนละ 50 บาท สามารถส่งที่รีสอร์ทที่ได้รอบเกาะหลีเป๊ะ หรือที่เกาะอาดัง พวกเราลงที่หาดชาวเล และได้เข้าพักที่หลีเป๊ะบีช รีสอร์ท บ้านพักที่เราเข้าไปพักมี 2 ห้อง ด้วยกัน แต่พวกเรานอนรวมกัน 3 คน เนื่องจากอีกห้องมีชาวต่างชาติมาพักอยู่แล้ว










หลังจากที่นำสัมภาระเก็บเข้าที่พักพวกเราก็ออกมาสำรวจ เดินเล่นยามเย็น ชมบรรยากาศทะเลฝั่งอันดามันที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย ช่วงหัวค่ำท้องเริ่มร้องพวกเราจึงไปทานอาหารที่อันดามันรีสอร์ท ซึ่งอยู่ไม่ห่างกันเท่าไรนัก อาหารที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารทะเล มีเยอะมาก พวกเราติดใจกับปลาหมึกที่มีเต็มจาน กินกันจนจุกไปเลย เมื่ออิ่มแล้วจึงเดินทางกลับที่พัก ทริปนี้เราไม่ได้ไปเดินถนนคนเดินบนเกาะหลีเป๊ะ และหาดพัทยาในช่วงกลางคืน เนื่องจากว่าเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน จึงขอนอนพักผ่อนก่อน กะว่ามาครั้งหน้าจะต้องมาย่ำราตรีที่นี่อย่างแน่






รุ่งเช้าผมตื่นตั้งแต่ 6.00 น. แต่รู้สึกว่าป้อมปี่กับยูมิโกะยังเพลียอยู่ผมจึงสะพายกล้องออกมาถ่ายรูปเพียงคนเดียว ผมเดินถ่ายรูปไปเรื่อย ผ่านถนนคนเดิน หาดพัทยา หาดประมง ชมวิถีชีวิตของชาวเล ไปเรื่อยจนเวลาใกล้ 8.00 น. จึงเดินทางมายังหลีเป๊ะบีช รีสอร์ท เพื่อทานอาหารและเตรียมสัมภาระในการเดินทางกลับ












ระหว่างนั้นป้อมปี่ได้ติดต่อเรือนำเที่ยวกับบัง ซึ่งเป็นเจ้าของเรือนีโม่บนเกาะหลีเป๊ะ บังมีเรือประมาณ 9 ลำ ปกติบังจะไม่ออกเรือจะให้ลูกน้องออกเรือให้ แต่ด้วยเจ้าของหลีเป๊ะบีช รีสอร์ท อยากให้บังแนะนำสถานที่เที่ยวความรู้ทั่วไปของอุทยานแห่งชาติตะรุเตาให้กับพวกเรา บังจึงออกเรือเอง บังเป็นคนอัธยาศัยดี อยากไปไหนบังก็พาพวกเราไปทุกเกาะที่พวกเราอยากไป แต่เสียดายที่ทริปนี้พวกเราต้องเดินทางกลับเรือสปีดโบ๊ท ช่วง 13.00 น. จึงมีโอกาสเที่ยวชมเกาะได้ไม่เต็มที่เท่าควร


บังได้พาพวกเราไปร่องน้ำจาบังก่อน เกาะจาบัง หรือร่องน้ำจาบังเป็นกองหินใต้น้ำ เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการัง ดอกไม้ทะเล ดูสัตว์ทะเล และฝูงปลาที่มีสีสันสวยงาม ระดับน้ำลึกราว 15-20 ฟุต เหมาะแก่การดำน้ำตื้น และสามารถดำน้ำลึกได้ด้วย พวกเราดำน้ำที่นี่ประมาณ 10 นาที ก็ต้องรีบไปเกาะอื่นต่อ จุดที่พวกเราไปจุดที่สองได้แก่ เกาะหินงาม





บังพาพวกเราไปดำน้ำที่ด้านหลังเกาะหินงามก่อน เมื่อพวกเราลงไป พวกเราเห็นหอยมือเสือตัวใหญ่ ๆ เป็นจำนวนมาก และที่มากไปกว่านั้น ปลานีโม่ตัวโต ๆ เพียบเลย พวกเราอยากอยู่ที่จุดนี้นาน ๆ แต่ก็อยู่ได้เพียงซักครู่ ก็ต้องขึ้นเกาะหินงาม เพื่อไปชมหินที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาเป็นหินกลม ๆ มน ๆ มันวาว ชาวบ้านเล่ากันว่าหินทุกก้อนมีคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตา หากใครนำติดตัวไปจะเกิดแต่หายนะ แต่หากไปชมแล้วเรียงก้อนหินได้ 12 ชั้น แล้วอธิษฐานขอพรก็จะได้สมปรารถนาทุกสิ่งทุกอย่าง
พวกเราแวะถ่ายรูปซักครู่ ก็ออกเดินทางต่อไปยังเกาะราวี





เกาะราวี เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตะรุเตาที่ ต.ต. 6 ( หาดทรายขาว) อยู่ห่างจากเกาะอาดังเพียง 1 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 29 ตารางกิโลเมตร เป็นแหล่งวางไข่ของเต่าทะเล มีหาดทรายที่มีความยาวหลายกิโลเมตร สวย สะอาด น้ำทะเลใส เงียบสงบ พวกเราแวะเล่นน้ำ และพักทานอาหารที่นี่ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว
จากนั้นจึงเดินทางมายังเกาะอาดัง ซึ่งเป็นเกาะสุดท้ายของการเดินทางในครั้งนี้





คำว่า “อาดัง” มาจากคำเดิมในภาษามลายูว่า “อุดัง” มีความหมายว่า “กุ้ง” เนื่องจากว่าบริเวณนี้เคยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยกุ้งทะเล เกาะอาดังเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติตะรุเตาที่ ต.ต. 5 ( แหลมสน-เกาะอาดัง) เกาะอาดัง มีเนื้อที่เกาะประมาณ 30 ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะที่มีหาดทรายละเอียดสวยงาม พวกเราแวะขอข้อมูลกับทางอุทยาน และเดินเล่นรอบ ๆ หาด น้ำที่เกาะอาดังใส และเป็นสีเขียวอ่อน เมื่อได้สัมผัสกับแสงแดดทำให้ สะท้อนแสงสวยมาก พวกเรานั่งกินบรรยากาศและนั่งคุยกับบังจนถึงเวลา 12.30 น. บังจึงพาพวกเราไปที่โป๊ะเพื่อขึ้นเรือสปีดโบ๊ทกลับฝั่ง










พวกเราจ่ายค่าเช่าเรือประมาณ 1,500 บาท ในการนำเที่ยวครั้งนี้ และกะว่าถ้ามีโอกาสจะได้เรียกใช้บริการบังอีกครั้ง พวกเรากล่าวคำอาลำบัง และอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จากนั้นเรือสปีดโบ๊ทพาพวกเราขึ้นฝั่งที่ท่าเรือปากบารา ประมาณ 16.00 น. พวกเรานำรถที่ฝากไว้กับคุณเจี๊ยบเพื่อเตรียมตัวกลับ แต่ขากลับไม่เจอกับคุณเจี๊ยบเนื่องจากคุณเจี๊ยบได้เดินทางสวนกับเราไปที่เกาะหลีเป๊ะแล้ว พวกเราจึงเดินทางกลับโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง ก็ถึงจังหวัดนครปฐม จากนั้นจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน รอการเดินทางในครั้งถัดไป แล้วพบกันใหม่ ทีมงาน annaontour.com

เรื่องเล่าการเดินทาง จาก Mr.anna ขาลุย

อย่าลืมไปนะ สวยมาก ๆ