เช่ารถตู้ไปภูกระดึงใช้ก๊าซ NGV คุ้มค่าจริง ๆ
ภูกระดึง การเดินทางบนเส้นทางที่ทรหดอันแสนคุ้มค่า
การเดินทางบนเส้นทางที่แสนทรหด ที่หลายต่อหลายคนพูดว่าถ้าหากหญิงชายที่เป็นคู่รักกัน ถ้าหากได้เดินทางไปมักจะต้องเลิกลากันไป อันนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้นทางพวกเราไม่รู้หรอก เพียงแต่วันที่เดินทางไปนั้นหลายต่อหลายคู่เดินทางขึ้นภูกระดึงพร้อมพวกเรา ต่างบอกว่ามันอาจจะเป็นแค่บางคู่เท่านั้น ซึ่งสาเหตุที่เกิดขึ้นก็เนื่องมาจากการเดินทางที่ยากลำบาก และเหนื่อยล้า จนแสดงกริยาที่ไม่เหมาะสมออกมา จึงเป็นสาเหตุของการทะเลาะกันมากกว่า แต่ถ้าหากคู่ไหนได้ขึ้นภูกระดึงสำเร็จแล้ว ยิ่งทำให้จะรักกันมากกขึ้นกว่าเดิมซะอีก เพราะเส้นทางที่ขึ้นมานั้นจะต้องขึ้นเขาตลอดและเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างทรหด ก่อนที่จะพบกันความสวยงามและประทับใจบนภูกระดึง
ก่อนการเดินทางในครั้งนี้ ผมและป้อมปี่ ได้รับโทรศัพท์จากนักท่องเที่ยวหลายท่านที่โทรเข้ามานสอบถามข้อมูล ซึ่งตัวผมเองนั้นก็ยังไม่เคยขึ้นไปซักกะที เลยตัดสินใจว่าไปเลยดีกว่าไปนอนซัก 1 คืน ก็คงจะมีข้อมูลเพียงพอที่จะมานำเสนอผู้ที่สนใจอุทยานแห่งชาติภูกระดึง
ผมและป้อมปี่ออกเดินทางจาก จ.นครปฐม ในช่วงเวลา 3 ทุ่ม มุ่งหน้าไปยัง จ.ชัยภูมิ วิ่งไปทาง อ.ภูเขียว ผ่านแยกท่าแพ จากนั้นก็จะไปเช้าที่ ผานกเค้า จ.เลย
พวกเราแวะทานข้าวและล้างหน้าแปรงฟันที่ ร้านเจ้กิม ซึ่งเป็นร้านข้าวแกงขนาดใหญ่บริเวณ ผานกเค้า ซึ่งสถานที่แห่งนี้รถทัวร์จะมาจอดรับ-ส่งผู้โดยสาร เพื่อต่อรถสองแถวไปยัง อุทยานแห่งชาติภูกระดึง (ค่ารถสองแถวตกประมาณท่านละ 20 บาท)
เมื่อเสร็จธุระพวกเราก็เดินทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง โดยเสียค่ารถยนต์ส่วนบุคคลที่ราคา คนละ 30 บาท เมื่อรถถึงลานจอดรถพวกเราก็เตรียมสัมภาระขึ้นภูทันที
ก่อนขึ้นภูกระดึงพวกเราต้องไปจองเต๊นท์ ณ จุดให้บริการ โดยเต๊นท์จะมีอยู่ 2 แบบ คือ เต๊นท์ที่จุคนได้ 2 คน และเต๊นท์ที่จุได้ 4 คน (ราคาเต๊นท์ที่จุคนได้ 2 คน ราคา 225 บาท )
เมื่อจองเต๊นท์เสร็จพวกเราก็เดินทางไปยังจุดทางขึ้นภูกระดึง และต้องเสียค่าเข้าคนละ 40 บาท (คนไทยราคาผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท และชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท) แต่ก่อนที่พวกเราจะขึ้นภูกระดึงนั้น ผมก็เหลือบไปเห็นลูกหาบจำนวนมาก รอหาบของจากนักท่องเที่ยวที่นำสัมภาระมาด้วยแต่ไม่สามารถนำขึ้นไปได้ ซึ่งค่าลูกหาบ ปัจจุบันคิดราคาอยู่ที่ 1 กก. ละ 15 บาทแล้ว
จากนั้นพวกเราก็ลงชื่อขึ้นภูกระดึงที่ทาขึ้น และกราบขอพรจากเจ้าปู่ภูกระดึงที่ศาลซึ่งอยู่บริเวณทางขึ้นภูกระดึง ก่อนขึ้นภูกระดึงเพื่อเป็นสิริมงคลในการเดินทางขึ้นภูกระดึง
จุดแรกที่เราจะต้องผ่านคือ ปางกกค่า ซึ่งอยู่ห่างจากจุดขึ้นประมาณ 800 เมตร แต่พวกเราไม่ได้หยุดพักกะว่าเดินไปอีกประมาณ 200 เมตร ก็จะถึง ซำแฮก และจะไปพักที่นั่น เพราะระหว่างทางขึ้นนั้นค่อนข้างชัน เล่นเอาพวกเราหอบแฮก แฮก ไปตาม ๆ กัน แต่สำหรับพวกลูกหาบแล้ว ต่าง ๆ เดินขึ้นกันไปเรื่อย ๆ ตลอดทาง อาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นเดินขึ้นไปจนแล้ว จึงทำให้ดูท่าทางไม่เหนื่อยเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป จึงทำให้พวกเราอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากมีกระเช้าขึ้นภูกระดึงแล้ว พวกลูกหาบและร้านค้าที่ประกอบธุรกิจบนภูกระดึงคงไม่มีอาชีพแน่ และป่าก็คงจะเสื่อมโทรมอีกด้วย
เมื่อพวกเราพักดื่มน้ำ กินน้ำแข็งใสคนละถ้วยที่ร้านค้าบนซำแฮก แล้วก็ออกเดินทางต่อ พวกเราผ่านซำบอน ซำกกกอก ซำกอซาง พร่านพรานแป ซำกกหว้า ซำกกไผ่ ซำกกโดน แต่พอถึงซำแคร่ พวกเราต้องพักอีกครั้ง เพราะว่าจากซำแคร่ไปแล้วทางจะชันที่สุด
เราพักเหนื่อยกันครู่ใหญ่ก็เดินทางต่อจนถึงหลังแป (ขาวแทบจะร้าว) แล้วเดินทางไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวต่อ ระหว่างนั้นก็ลองทดสอบสัญญาณโทรศัพท์ทุกเครื่อข่ายว่าใช้่ได้ทั้งหมดหรือปล่าว ปรากกฏว่า ทรูมูฟ ดีแทค และ เอไอเอส มีสัญญาณเต็มเปี๊ยะ รับรองไม่ขาดการติดต่อแน่นอน
เมื่อถึงจุดบริการนักท่องเที่ยวพวกเราจึงติดต่อกับเจ้าหน้าที่อุทยานเพื่อหาเต๊นท์นอน และเช่าถุงนอนในราคา ถุงนอนละ 20 บาท
เมื่อเสร็จภาระกิจก็ไปหาอาหารมื้อบ่าย ๆ ทานกัน ซึ่งราคาอาหารต่อจานประมาณ จานละ 45 บาท และค่าน้ำอัดลมใส่น้ำแข็งต่อถุงประมาณถุงละ 30 บาท (สมราคาแล้ว ครับ เพราะกว่าลูกหากจำหาบน้ำแข็งขึ้นไปถึงภูกระดึงต้องเดินทางเท้า โดยใช้เวลาหลายชั่วโมงเลยทีเดียวและน้ำแข็งก็หนักเอาการพอสมควร)
เมื่ออาหารตกถึงท้องเท้าก็มีพลัง พวกเรากะว่าเย็นนี้จะไปถ่ายภาพที่ผาหล่มสัก จึงตัดสินใจเปลี่ยนเป็นจักรยานที่เป็นแบบวิบาก ซึ่งจะมีไฟฉายติดจักรยานอีกคนละ 1 กระบอก (ถ้าไม่เป็นจักรยานวิบากทางผู้เช่าไม่อนุญาตให้ไปเนื่องจากจะเกิดอันตรายได้ในยามค่ำคืน) ในราคาคันละ 300 บาท (แต่ก็คุ้มค่ามาก ๆ ต่อการเดินทางบนภูกระดึง)
พวกเราออกเดินทางจากจุดให้บริการนักท่องเที่ยว และขี่จักรยานชมทิวสามใบที่มีอยู่เต็มภูกระดึง โดยบริเวณตามพื้นดินโป่งพวกเรายังเห็นรอยหมูป่ามากินดินโป่งเป็นจำนวนมาก และบางจุดยังพบมูลช้าป่าที่มาหากินในช่วงเวลากลางคืนอีกด้วย
พวกเราปั่นจักรยานมาจนถึงผาหมากดูก และชมบรรยกาศซักครู่ ก็ต้องรีบเดินทางต่อ เพราะจุดมุ่งหมายของเราผาหล่มสัก
พวกเราปั่นจักรยานผ่านมาผานาน้อย ก็ต้องแวะถ่ายรูปอีกเพราะจุดนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ จนทำให้เราต้องแวะชมผานาน้อยเช่นกัน
จากผานาน้อยพวเราเดินทางต่อผ่านผาเหยียบเมฆ ผ่านผาแดง และก็ถึงเป้าหมายของเราผาหล่มสัก โดยระหว่างการเดินทางพวกเราก็ได้พบเห็นธรรมชาติที่ยังคงอุดมสมบูรณ์อยู่ อย่างเช่น ดอกกระดุมเงิน ดอกกุหลาบพันปี และกล้วยไม้ป่า เป็นต้น
ผาหล่มสัก เป็นไฮไลท์สำคัญของภูกระดึงเลยก็ได้ เพราะว่าถ้าหากใครที่เดินทางมาไม่ถึงผาหล่มสักแล้ว เหมือนไม่ได้มาภูกระดึง เพราะที่ผาหล่มสักนี้ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าได้อย่างงดงามที่นี่ และถ้าหากมองจากผาหล่มสักแล้ว เราจะมองเห็นทิวเขาของ จ.เพชรบูรณ์ ได้เช่นกัน ทุกคนที่ชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ก็ต้องเดินทางกลับ เนื่องจากว่าทางอุทยานไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวพักในสถานที่ต่าง ๆ บนอุทยานได้ นอกจากจุดกางเต๊นท์ที่อุทยานกำหนดไว้ เนื่องจากเกรงว่าในช่วงดึกจะมีสัตว์ป่าออกมาหากินอาจทำให้เกิดอันตราย และเป็นการรบกวนสัตว์ป่าได้
ผมปั่นจักรยานสู่ที่พัก โดยได้รับไฟฉายติดหน้ารถ 1 กระบอก สำหรับการเดินทาง เพราะหลังจากเพราะอาทิตย์ลับขอบฟ้าได้ไม่นานบนภูกระดึงก็เริ่มมืด นักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับส่วนมากจะเดินทางกันเป็นกลุ่ม ๆ เพราะระหว่างทางเป็นหน้าผา และอาจมีสัตว์ป่าออกมาหากิน
พวกเราขี่จักรยานมาประมาณ 9 กม. กว่า ๆ ก็มาถึงจุดบริการนักท่องเที่ยว ผมนำจักรยานไปคืนจุดให้บริการ และก็ไม่รอช้าที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำทันทีเพราะว่าร่างกายยังคงมีความอบอุ่นอยู่ แต่อุณภูมิบนยอดดอยลดลงเหลือแค่ 4 องศา จึงเป็นสาเหตุให้นักท่องเที่ยวหลายคนรีบมาอาบน้ำเหมือนผมครับ (อุณภูมิตอนกลางวันก็หนาวอยู่แล้ว)
หลังจากอาบน้ำพวกผมก็อาหารร้อน ๆ ทานกันในช่วงค่ำ ก่อนที่จะเข้านอนเพราะตอนเช้าก็ว่าจะรีบ เดินทางลงทันที
เช้า ๆ ในวันรุ่งขึ้นคงแวะไปชมทะเลหมอกที่ผานกแอ่น แล้วค่อยเดินทางกลับ เก็บภาพบรรยากาศด้านบนภูกระดึงกับความประทับใจไว้อีกครั้งก่อนที่จะลง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ขึ้นมาใหม่อีก
พวกเราเดินทางจากจุดบริการนักท่องเที่ยว มายังหลังแป และเดินทางผ่าน ซำต่าง ๆ จนมาถึงด้านล่าง กราบขอบคุณเจ้าปู่ภูกระดึง ที่คุ้มครองปกรักษาพวกเราให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ จากนั้นก็อาบน้ำเตรียมตัวกลับบ้าน กับขาที่ร้าวระบมอีกไม่น้อยกว่า 2 วันแน่นอน |