User ยินดีต้อนรับ ผู้มาเยี่ยม
   

ให้บริการเช่ารถตู้ พร้อมคนขับ สำหรับ : ท่องเที่ยว ประชุม สัมมนา ตีกอล์ฟ รับ-ส่ง แบบรายวัน วิ่งงานประจำ
บริการเช่ารถตู้เอ็นจีวี เป็นรถตู้รุ่นใหม่ รุ่น VVT-I สามารถใช้ได้ทั้งระบบก๊าซเอ็นจีวี และระบบน้ำมัน
ที่ได้รับมาตรฐานจากศูนย์เอ็นจีวีคาร์เซ็นเตอร์ ความปลอดภัยดีเยี่ยม
เป็นรถประหยัดเชื้อเพลิง เพียง กม.ละ 1 บาท เท่านั้น ภายในรถตู้กว้าง พร้อมเครื่องเสียง ทีวี แอร์เย็นฉ่ำ
จองที่พักปาย
จองที่พักปาย
โต๊ะจีนนครปฐม โต๊ะจีนดี คุณภาพอาหารเยี่ยม ไมตรีโภชนา
โต๊ะจีนนครปฐม โต๊ะจีนดี คุณภาพอาหารเยี่ยม ไมตรีโภชนา
  NewTopic NewReply
 Topic ทัวร์พิษณุโลก นมัสการพระพุทธชินราช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จ.พิษณุโลก
User anna (Administrator)
เป็นสมาชิกเมื่อ : 18/3/2552
โพสต์ : 83
 
Vcard 2 มิถุนายน 2552 - 14:04:26 น.  
DotE
ทัวร์พิษณุโลก นมัสการพระพุทธชินราช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จ.พิษณุโลก
ฤดูฝนกำลังย่างเข้ามา และในช่วงนี้ฝนก็ตกพรำ ๆ นักท่องเที่ยวส่วนมากไม่นิยมออกเดินทางในช่วงนี้ พวกเราจึงพอจะมีเวลาที่จะได้ออกเดินทางกันเป็นกลุ่มของ annaontour.com อีกครั้ง โดยทริปนี้ผมกับนกเอี้ยงและสมาชิกอีกประมาณ 7 ราย ก็ว่าจะเดินทางไป จ.พิษณุโลก โดยรถโดยสารประจำทาง เพราะได้ยินมาว่าจะมีงานนเรศวรมหาราช และที่นั่นก็จัดยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี และยังมีสถานที่ท่องเที่ยว ภายใน อ.เมืองพิษณุโลก อีกหลายแห่ง พวกเราจึงนัดเจอกันที่สถานีขนส่งหมอชิต ในเวลา 07.00 น. ในวันที่ 5 พ.ค.

เมื่อมาถึงพวกเราไปจองตั๋วรถของบ.เชิดชัยทัวร์ ในราคาใบละ 288 บาท โดยรถจะออกในเวลา 07.30 น. จากนั้นพวกเราจึงออกเดินทาง ผมจำได้ว่ารถวิ่งผ่าน จ.อยุธยา จ.ชัยนาท เข้าสู่ จ.นครสวรรค์ ในเวลาประมาณ 12.00 น. รถจะจอดที่สถานีขนส่ง จากนั้นก็จะจอดที่ร้านอาหารให้หม่ำอาหารมื้อกลางวันประมาณ 20 นาที โดยตั๋วโดยสารลดราคาได้ 10 บาท แต่ข้าวก็ราคาจานละ 30 บาท (พวกเราคิดว่าแพงไปหน่อย เพราะปริมาณและรสชาติไม่ค่อยเข้าตาพวกเราเลย) มื้อนี้ไม่อิ่มครับ เก็บท้องไว้ช่วงเย็นดีกว่า จากนั้นรถก็ออกเดินทางต่อไปยัง จ.พิจิตร และ จ.พิษณุโลก พวกเราลงที่หน้าทางเข้าศาลากลาง จ.พิษณุโลก เวลาประมาณ 15.00 น. เนื่องจากพวกเราจองโรงแรมวังแก้วไว้ เพราะใกล้กับศาลากลาง จ.พิษณุโลก และเป็นสถานที่จัดงานนเรศวรมหาราช (ที่สำคัญราคาไม่แพงด้วย ราคาห้องละประมาณ 680 บาท) จากนั้นพวกเราก็เช็คอิน จากนั้นพวกเราก็แยกกันไปพักผ่อน กะว่าพรุ่งจะลุยให้เต็มที่ และในช่วงเย็นก็ออกมาหาอะไรหม่ำกันเสร็จก็เข้าพักผ่อนกันแต่หัวค่ำ
รุ่งเช้าพวกเราก็รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม จากนั้นก็เดินทางจาก
โรงแรมวังแก้ว ประมาณ 09.00 น. ไปทางทิศตะวันออก ข้ามสะพานนเรศวร รวมระยะทางประมาณ 700 เมตร เห็นจะได้ ก็ถึงวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของ จ.พิษณุโลก



แล้วพวกเราจึงเข้าไปกราบนมัสการหลวงพ่อใหญ่ หรือพระพุทธชินราช พระพุทธรูปที่สวยที่สุดในประเทศไทย และขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร ประมาณ 10.30 น. พวกเราจึงเดินทางต่อไปยังฝั่งตรงข้ามฟากถนนทางทิศใต้ของวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร







ซึ่งเป็นวัดราชบูรณะ โดยวัดราชบูรณะเป็นวัดที่เก่าแก่วัดหนึ่งของ จ.พิษณุโลก ที่คาดว่าน่าจะถูกสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย โดยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ






จวบจนเวลาใกล้จะเที่ยง พวกเราจึงเดินทางย้อนกลับไปทางวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร แต่พวกเราไม่ได้เดินทางเข้าวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร แต่เดินเลยไปทางทิศเหนือประมาณ 200 เมตร เพื่อที่จะไปหาอาหารกลางวันรับประทาน ซึ่งเป็นร้านที่มีชื่อเสียงของ จ.พิษณุโลก ได้แก่ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาริมน่าน ร้านนี้ขายอาหารจำพวกก๋วยเตี๋ยวเป็นหลัก และมีอาหารอื่น ๆ อีก เช่น ลูกชิ้นปลายกราย ขนมหวานต่าง ๆ เป็นต้น บรรยากาศภายในร้านก็ดีมาก ๆ เพราะติดริมแม่น้ำน่าน อากาศก็เย็นสบาย ภายในร้านมีลูกค้าหมุนเวียนเข้ามาใช้บริการมากมาย ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาริมน่าน จะขายก๋วยเตี๋ยวในราคาชามละ 25 บาท ถ้าหากไปทานแล้วคงไม่ผิดหวัง เพราะได้รับการการันตีจากองค์กรสื่อมวลชนต่าง ๆ มากมาย





เวลา 13.00 น. พวกเราก็อิ่มแป้ เบิ้ลคนละ 2 ชาม เท่านั้น จากนั้นก็นั่งชมแม่น้ำน่านซักครู่ จึงออกเดินทางต่อมานั่งเล่นที่ วังปลาคูเมือง โดยพวกเราไปเริ่มต้นที่ทางเข้าไปศาลากลาง จ.พิษณุโลกใหม่ จากนั้นก็เดินตามริมถนนไปทางทิศตะวันตกประมาณ ุ600 เมตร ก็จะพบสี่แยกไฟแดงวัดคูหาสวรรค์ โดยวังปลาคูเมืองจะติดกับแยกวัดคูหาสวรรค์ และเป็นส่วนหนึ่งของวัดคูหาสวรรค์ บรรยากาศรอบ ๆ เย็นสบายมาก มีเก้าอี้ปูนให้นั่งบริเวณฝั่งที่อยู่ในวัด พวกเรานั่งไปนั่งมาแทบจะหลับ


จนเวลา 14.30 น. จึงเดินทางกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมวังแก้วกะว่าจะออกมาเที่ยวชม และถ่ายรูปต่อในตอน 16.00 น. และแล้วพวกเราก็พักผ่อนจนได้ที่ จากนั้นก็เดินทางต่อมายังไปทางทิศเหนือของศาลากลาง ประมาณ 400 เมตร ก็จะพบวัดศรีสุคตซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของกำแพงเมืองพิษณุโลก จากนั้นก็ข้ามถนนแล้วเดินทางไปชมวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งก็คือวัดวิหารทอง ซึ่งอยู่ในเขตกำแพงเมืองพิษณุโลกเช่นกัน



จากนั้นพวกเราก็เดินทางต่อมายังพระราชวังจันทน์ ซึ่งอยู่ติดกับวัดวิหารทองมาทางทิศเหนือ พระราชวังจันทน์ เป็นพระราชวังโบราณ คาดว่าก่อสร้างในสมัยสุโขทัย ซึ่งอยู่ในเขตกำแพงเมืองพิษณุโลก



จากนั้นพวกเราก็เดินทางต่อมายังพระราชวังจันทน์ ซึ่งอยู่ติดกับวัดวิหารทองมาทางทิศเหนือ พระราชวังจันทน์ เป็นพระราชวังโบราณ คาดว่าก่อสร้างในสมัยสุโขทัย ซึ่งอยู่ในเขตกำแพงเมืองพิษณุโลก



ปัจจุบันเหลือแต่รากฐานกำแพง และเป็นที่ตั้งของศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พวกเราจึงเข้าไปกราบสักการะและขอพรจากศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช


แล้วก็เดินเที่ยวชมบริเวณโดยรอบ จนถึงเวลาประมาณ 18.00 น. จึงเข้าเที่ยวชมงานนเรศวรมหาราชต่อทันที โดยงานจัดตั้งบริเวณศาลากลาง จ.พิษณุโลก และบริเวณศาลหลักเมือง จ.พิษณุโลก พวกเราเสียค่าเข้าคนละ 20 บาท แต่ถ้าเป็นเด็กคนละ 10 บาท พวกเราเข้าไปสักการะศาลหลักเมือง จ.พิษณุโลกก่อน


จากนั้นก็เดินเที่ยวงานโดยรอบ บริเวณภายในงานจะมีสินค้าอุปโภค บริโภคมากมายวางจำหน่าย ภายในยังมีบูทของหน่วยงานราชการต่าง ๆ อย่างเช่น ส่วนอุทยานแห่งชาติ จ.พิษณุโลก และโรงเรียนต่าง ๆ

จนเวลาล่วงเลยไปถึง 20.00 น. พวกเราพวกเราก็รับประทานอาหารมื้อเย็นภายในงาน และก็เดินทางกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมวังแก้วดังเดิม
รุ่งเช้าพวกเราตื่นนอนประมาณ 08.00 น. จากนั้นก็รับประทานอาหารมื้อเช้าที่
โรงแรมวังแก้ว วันนี้พวกเราคิดว่าจะไปเที่ยวสถานที่ที่เป็นธรรมชาติอย่างพวกอุทยานและน้ำตก จึงตัดสินใจว่าจะไปแถว อ.วังทอง แต่วันนี้พวกเราไม่ต้องขึ้นรถเมล์ เนื่องจากนกเอี้ยงมีเพื่อนทำงานอยู่ในมหาวิทยาลัยนเรศวร จึงเป็นโชคดีของพวกเราที่จะมีไกด์พาเที่ยวใน จ.พิษณุโลก เวลา 09.00 น. เพื่อนนกเอี้ยงก็มาถึง จากนั้นก็พาพวกเราเดินทางไปชมพิพิธภัณฑ์ผ้า ซึ่งตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยนเรศวร พิพิธภัณฑ์ผ้าเป็นศูนย์กลางในการอนุรักษ์ สืบสาน และเผยแพร่ข้อมูลทางวิชาการด้านผ้าไทยในเขตภาคเหนือตอนล่าง มีด้วยกัน 2 ชั้น ชั้นที่ 1 เป็นสถานที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าพืนบ้าน ส่วนชั้นที่ 2 จะเป็นสถานที่จัดแสดงผ้าต่าง ๆ มากมาย




ภายในมหาวิทยาลัยนเรศวร ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นอีกคือ หอศิลปและวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยนเรศวร แต่พวกเราไม่ได้เข้าชม เพราะต้องรีบทำเวลาเพื่อที่จะเดินทางไป อ.วังทอง ต่อ จากนั้นพวกเราวิ่งไปตามทางหลวงหมายเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) วิ่งถึงหลัก กม.ที่ 33 ก็ถึงสวนรุกชาติสกุโณทยาน บริเวณภายในสวนรุกชาติสกุโณทยานมีลานจอดรถกว้างขวาง และมีร้านค้าประมาณ 10 กว่าร้าน พวกเราซื้ออาหารจำพวกส้มตำ ไก่ย่าง และขนม เพื่อที่จะเข้าไปทานในตัวน้ำตก ทางร้านจะมีตระกร้าใส่อาหารให้ จากนั้นพวกเราก็เดินทางสู่ตัวน้ำตกสกุโณทยาน ที่ สวนรุกชาติสกุโณทยานไม่ต้องเสียค่าบริการเข้าชม จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากนิยมมาเที่ยวชมสวนรุกชาติสกุโณทยาน โดยบริเวณน้ำตกไม่สามารถเล่นน้ำได้ เนื่องจากเป็นน้ำตกจากหน้าผาสูงประมาณ 10 เมตร และเป็นแอ่งน้ำวน แต่จะมีจุดเล่นอยู่ที่แก่งไทร ห่างจากตัวน้ำตกประมาณ 200 เมตร แก่งไทรนี้จะมีนักท่องเที่ยวมานั่งพักผ่อน รับประทานอาหาร และเล่นน้ำที่บริเวณจุดนี้เป็นจำนวนมาก






วันนี้น้ำที่น้ำตกสกุโณทยานมีสีแดง เนื่องจากมีฝนตกก่อนที่พวกเราจะมาถึงอยู่หลายวัน จึงทำให้น้ำในแม่น้ำมีสีแดง แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวลงไปเล่นที่แก่งไทรอยู่ พวกเราเพลิดเพลินกับการชมน้ำตกจนถึงเวลาประมาณ 15.30 น. จึงออกจากสวนรุกชาติสกุโณทยาน กะว่าจะเดินทางไปน้ำตกแก่งซอง และน้ำตกแก่งโสภาต่อ แต่ไกด์ของเราบอกว่าไม่ถ้าไปถึงก็คงพักผ่อนได้ไม่นานก็คงมืด พวกเราตัดสินใจกลับไปที่โรงแรมวังแก้วเพื่อพักผ่อนก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยวตลาดไนท์บาซ่า จ.พิษณุโลก ต่อในคืนนี้ เย็นนี้พวกเราออกมารับประทานอาหารเย็นในช่วง 19.00 น. เป็นร้านอาหารไม่ไกลจากโรงแรมซักเท่าไร จนถึงเวลา 20.00 น. เพื่อนของนกเอี้ยงก็มารับพวกเราที่หน้าโรงแรมวังแก้ว จากนั้นก็ขับรถข้ามสะพานนเรศวร แล้วก็ไปกลับรถใต้สะพาน แล้วเลี้ยวตรงซอยวัดราชบูรณะ ขับเรียบแม่น้ำน่านไปทางทิศตะวันตกประมาณ 1 กม. ก็จะพบสี่แยก และสะพานเอกาทศรถ จุดนี้จะเป็นจุดเริ่มเดินเที่ยวชมตลาดไนท์บาซ่า จ.พิษณุโลก ตามฟุตบาทเรียบแม่น้ำน่าน


ภายในตลาดไนท์บาซ่า จ.พิษณุโลก มีสินค้าจำหน่ายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ซีดี บริการนวดฝ่าเท้า ร้านอาหาร ฯ





พวกเราเดินเที่ยวชมและเลือกซื้อของประมาณ 1 ชม. ก็เดินทางกลับสู่โรงแรมวังแก้ว และถึงโรงแรมประมาณ 21.30 น. ก็แยกย้ายกันพักผ่อน รุ่งเช้าพวกเราตื่นนอนประมาณ 07.00 น. เพื่อมารับประทานอาหารมื้อเช้า จากนั้นก็เช็คเอาท์และให้รถทางโรงแรมไปส่งที่สถานีขนส่ง อ.เมือง จ.พิษณุโลก โดยขากลับเราใช้บริการ บ.เชิดชัยทัวร์เช่นเคย ในราคาที่นั่งละ 288 บาท แต่รถออกในช่วง 08.10 น. โดยครั้งนี้พวกเราเดินทางกลับมาถึงสถานีขนส่งหมชิตในช่วง 14.20 น. จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน รอการเดินทางใหม่ของพวกเรา annaontour.com

เรื่องเล่าการเดินทาง จาก Mr.annaontour
DotE
LastUpdate ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2552 - 14:45:12 น.
 
Information ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของระบบไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม กรุณาแจ้งที่ Email annop_nanya@hotmail.com เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป
 
Copyright © 2009 www.annaontour.com. All rights reserved.
Untitled Document
สถิติผู้เข้าชม ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 2 ราย