User ยินดีต้อนรับ ผู้มาเยี่ยม
   

ให้บริการเช่ารถตู้ พร้อมคนขับ สำหรับ : ท่องเที่ยว ประชุม สัมมนา ตีกอล์ฟ รับ-ส่ง แบบรายวัน วิ่งงานประจำ
บริการเช่ารถตู้เอ็นจีวี เป็นรถตู้รุ่นใหม่ รุ่น VVT-I สามารถใช้ได้ทั้งระบบก๊าซเอ็นจีวี และระบบน้ำมัน
ที่ได้รับมาตรฐานจากศูนย์เอ็นจีวีคาร์เซ็นเตอร์ ความปลอดภัยดีเยี่ยม
เป็นรถประหยัดเชื้อเพลิง เพียง กม.ละ 1 บาท เท่านั้น ภายในรถตู้กว้าง พร้อมเครื่องเสียง ทีวี แอร์เย็นฉ่ำ
จองที่พักปาย
จองที่พักปาย
โต๊ะจีนนครปฐม โต๊ะจีนดี คุณภาพอาหารเยี่ยม ไมตรีโภชนา
โต๊ะจีนนครปฐม โต๊ะจีนดี คุณภาพอาหารเยี่ยม ไมตรีโภชนา
  NewTopic NewReply
 Topic ทัวร์สังขละ ทัวร์กาญจนบุรี น้ำตกนางครวญ ป้อมปี่ วัดจมน้ำ เมืองใต้บาดาลจ.กาญจนบุรี
User anna (Administrator)
เป็นสมาชิกเมื่อ : 18/3/2552
โพสต์ : 83
 
Vcard 3 มิถุนายน 2552 - 15:40:39 น.  
DotE
ทัวร์สังขละ ทัวร์กาญจนบุรี 2,400 บาท รถตู้ VIP จาก กทม. วัดจมน้ำ เมืองบาดาล สะพานมอญ ป้อมปี่ น้ำพุร้อนหินดาด วัดเสาร้อยต้น วัดวังวิเวกการา น้ำตกผาตาด ทองผาภูมิ สังขละบุรี

ทัวร์สังขละ ทัวร์กาญจนบุรี น้ำตกนางครวญ ป้อมปี่ วัดจมน้ำ เมืองใต้บาดาลจ.กาญจนบุรี
วันปีใหม่ของไทย หรือ วันสงกรานต์ เป็นวันหยุดที่ติดต่อกันหลายวัน ประชาชนส่วนมากจะเดินทางกลับบ้านเกิด และบางส่วนก็เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยว พวกเราก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกันที่ได้เดินทางไปสัมผัสกับความงามของธรรมชาติเมืองไทย ที่ จ.กาญจนบุรี คืนวันที่ 13 เมษายน พวกเรารวมตัวกันเช่นเคย และปรึกษากันในการเดินทางของวันรุ่งขึ้น ผลสรุปออกมาก็คือ จ.กาญจนบุรี โดยเดินทางไปยัง อ.ไทรโยค อ.ทองผาภูมิ และอ.สังขละ แต่เรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่ใดนั้น ถ้าชอบหรือสนใจที่ใดก็แวะชมได้เลย (แต่ต้องดูความเหมาะสมของเวลา และโอกาส) รุ่งเช้าวันที่ 14 เมษายน ประมาณ 06.30 น. ก่อนออกเดินทางไป จ.กาญจนบุรี พวกเราก็ไม่ลืมที่จะไปทำบุญก่อน เพราะเป็นวันขึ้นปีใหม่ไทย พวกเราลงความเห็นว่า จะไปวัดดอนขนาก อ.ดอนยายหอม จ.นครปฐม เพราะได้ยินมาว่าวัดนี้ศักดิ์สิทธิ์ และพุทธศาสนิกชนนิยมเข้าบวชชีพราหมณ์ที่วัดนี้ เป็นจำนวนมาก แถมยังได้ข่าวมาว่าผู้ที่เดินทางไปวัดดอนขนากนี้ จะลอดใต้โบสถ์หลังเก่า เพื่อความเป็นศิริมงคล พวกเราจึงออกเดินทางทันที พวกเราออกเดินทางจาก หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม (จุดนัดพบของกลุ่ม annaontour.com) มุ่งหน้าสู่ อ.บ้านแพ้ว พวกเราวิ่งผ่านตัวเมือง จ.นครปฐม ออกถนนเพชรเกษม ขึ้นสะพานลอยเข้าสู่ถนนสาย นครปฐม-บ้านแพ้ว จากแยกบ้านแพ้วขับมาประมาณ 12 กม. จะมีแยกให้เลี้ยวขวา (มีป้ายเขียนบอกว่าไปวัดดอนขนาก) จากนั้นขับเข้ามาประมาณ 2 กม. ก็จะถึงวัดดอนขนาก (อยู่ติดกับ ม.คริสเตียน จ.นครปฐม) เมื่อมาถึง พวกเราก็เห็นพุทธศาสนิกชนหลายท่าน นุ่งข่าวห่มขาว (ผู้ที่บวชชีพราหมณ์) พวกเราก็เชื่อแล้วว่าวัดดอนขนากนี้มีพุทธศาสนิกชนมีผู้เลื่อมใสอยู่ไม่น้อย จากนั้นพวกเราก็นำอาหารที่นำมาทำบุญ ณ ที่วัดแห่งนี้ เสร็จแล้ว ก็ออกมามีแม่ชีท่านหนึ่งแนะนำให้ไปไหว้ เจ้าแม่กวนอิมที่วิหาร
เพื่อความเป็นศิริมงคล พวกเราตอบรับทันที


จากนั้นพวกเราก็เดินไปยังโบสถ์หลังเก่า เพื่อทำการลอด มีพุทธศาสนิกชนหลายท่านกำลังลอดใต้ท้องโบสถ์ พวกเราไหว้พระที่หน้าโบสถ์แล้ว ก็ลอดใต้ท้องโบสถ์เช่นกัน ก่อนลอดใต้ท้องโบสถ์ จะพุทธศาสนิกชนส่วนมากเขียนชื่อที่ผนังใต้ท้องโบสถ์ก่อนจะลอด พวกเราก็ปฏิบัติตามเช่นกัน ลอดโบสถ์ได้ 3 รอบ ก็เป็นอันเรียบร้อย (ถ้าเป็นไปได้ควรลอด 9 รอบ เพื่อความเป็นศิริมงคล)



จากนั้นก็แวะไหว้แม่ตะเคียนที่วัดดอนขนากนี้ พุทธศาสนิกชนที่มาบอกว่าศักดิ์สิทธิ์ เมื่อพวกเราไปถึงแม่ตะเคียนมีพุทธศาสนิกชนหลายท่าน ไหว้แม่ตะเคียนเพื่อขอเลขเด็ดและบนบานศาลเกล่า พวกเราไหว้แม่ตะเคียนเสร็จก็เดินทางต่อมายัง จ.กาญจนบุรี

ประมาณ 12.00 น. เราก็เข้าสู่ ตัวเมืองกาญจนบุรี เราใช้เส้นทางเลี่ยงเมืองเพื่อวิ่งไปยัง อ.ไทรโยค พวกเราก็รู้สึกหิว เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้อง ระหว่างทางก็แวะร้านก๋วยเตี๋ยวตาลี คนละชาม และไม่ไกลจากร้านก๋วยเตี๋ยวตาลีก็มีร้าน กาแฟสดบายพาส มองแล้วน่านั่ง พวกเราจึงเข้าไปสั่งกาแฟคนละแก้ว (อร่อยจริง ๆ โดยเฉพาะคาปูชิโน่) จากนั้นก็ออกเดินทางต่อ


ประมาณ 15.00 น. เห็นจะได้ พวกเราก็เดินทางเข้าสู่ อ.ไทรโยค พวกเราขับผ่านน้ำตกไทรโยคน้อย จากนั้น ก็วิ่งตรงมายังอุทยานไทรโยค และน้ำตกไทรโยคใหญ่ พวกเราเสียค่าเข้าคนละคนละ 40 บาท (สำหรับผู้ใหญ่) ส่วนรถยนต์คันละ 30 บาท เราใช้เวลาเดินชมน้ำตกไทรโยคใหญ่ สะพานแขวน และจุดชมวิว รวมถึงจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ จนถึงเวลาประมาณ 16.00 น. ก็ออกเดินทางต่อ




พวกเราก็ว่าจะแวะที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงู เพราะว่ามาที่ อ.สังขละ 2 ครั้งแล้ว แต่ยังไม่เคยแวะซะที จากนั้นก็จะเลยไปนอนที่จุดชมวิวป้อมปี่ (มาทีไรนอนที่จุดชมวิวป้อมปี่ทุกครั้ง)
พวกเรามุ่งหน้าสู่ อ.สังขละบุรี จากนั้นก็คอยสังเกตทางเข้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู พอมาถึงหลัก กม. 49 ก่อนถึง สังขละ จะมีป้ายบอกทางด้านขวามือ อุทยานแห่งชาติลำคลองงู พวกเราเลี้ยวตามป้ายทันที แล้วเหลือบมองนาฬิกาเวลาตอนนี้ก็ประมาณ 17.00 น. เห็นจะได้ พวกเรากะว่าจะอยู่ไม่นานก็จะรีบเดินทางต่อมายังจุดชมวิวป้อมปี่ พวกเราไม่รู้ว่าต้องเข้าไปไกลหรือเปล่า แต่ก็ขับรถมาเรื่อย ๆ ตามถนน ขึ้นเขาก็หลายลูกเหมือนกัน จนสุดทางลาดยาง ประมาณ 12.5 กม. เห็นจะได้ จากนั้นก็เป็นทางลูกลัง พวกเราไม่แน่ใจว่ามาถูกทางหรือเปล่า เพราะแถวนั้นไม่ค่อยมีบ้านผู้คน เวลาก็ปาเข้าไปเกือบ 18.00 น. พอดีเหลือบไปเห็นชาวบ้านแถวนั้น พอถามเขาก็บอกไม่รู้ (น่าจะเป็นชนเผ่ากะเหรี่ยง หรือ พม่า มาอาศัยอยู่) ก็ขับไปเรื่อย ๆ ตามทางลูกลังต่อ ก็มองเห็นร้านค้าอยู่ริมทางร้านหนึ่งจึงเข้าไปตามว่าพวกเรามาถูกทางหรือเปล่า เจ้าของร้านเป็นผู้หญิงกลางคนหน้าตาใจดี บอกกับพวกเราว่าอีกไม่ไกลก็จะถึงแล้ว พวกเราขอบคุณและรีบเดินทางต่อทันที เราขับรถบนทางลูกลังประมาณ 3 กม. ก็เห็นป้ายให้เลี้ยวขวาไปทางอุทยานแห่งชาติลำคลองงู อีก 4 กม. เราจึงขับมาตามป้าย ถนนเป็นทางดิน และหินขรุขระ ต้องค่อย ๆ ไปเรื่อย ๆ จนมาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติลำคลองงู
ในใจก็คิดว่าคงวันนี้คงต้องนอนที่นี่แล้วเพราะท้องฟ้าก็เริ่มมืด

โดยทางเข้าอุทยานฯ มีเจ้าหน้าที่ให้บริการอยู่หน้าด่าน 1 คน เราถามว่าต้องเสียค่าเข้าอุทยานฯไหม เขาตอบว่าไม่เสียค่าเข้า (ประมาณว่าเป็นอุทยานฯที่ยังไม่เปิดเป็นทางการซักเท่าไร) จากนั้นพวกเราก็มุ่งหน้าสู่ลานกางเต๊นท์ และกางเต๊นท์จนเสร็จ มีเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งเดินทางเข้ามาสอบถามกับพวกเราว่ามาจากที่ไหน และมีอาหารมื้อเย็นหรือยัง พวกเราก็ตอบไปว่ามาจาก จ.นครปฐม และอาหารมื้อเย็นก็จะมาหาซื้อที่ร้านค้าที่อุทยานนี้แหละ เจ้าหน้าที่ตอบเราว่าที่นี่ไม่มีร้านค้า พวกเราถึงกับคอตกเพราะคิดว่าไม่มีอะไรกินแน่ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ บอกกับเราว่าไม่เป็นไรจะหาข้าว กับไข่เจียว และมาม่า มาให้เราขอบคุณเจ้าหน้าที่อุทยานฯทันที จากนั้นพวกเราก็มองไปรอบ ๆ มีแค่นักท่องเที่ยวประมาณ 2 กลุ่ม ที่มาพักที่อุทยานฯนี้ (รวม ๆ แล้ว น่าจะประมาณ 10 กว่าคน) ระหว่างพวกเราก็อาบน้ำที่ห้องน้ำอุทยานฯ (ห้องน้ำสะอาด) จากนั้นก็มารอหม่ำข้าวจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯ และมองไปรอบ ๆ อากาศดีมาก ที่อุทยานฯนี้ ดีมาก เนื่องจากธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์

เมื่อเจ้าหน้าที่อุทยานนำอาหารมาให้พวกเราให้ค่าตอบแทนเขาก็บอกว่าไม่เป็นไร ไว้คราวหน้ามาเที่ยวใหม่ก็แล้วกัน (ซึ้งมาก ๆ กะว่าขากลับจะเอาไปใส่ตู้รับบริจาคหน้าอุทยานฯ ก็ได้)

ระหว่างมื้อเย็น เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ก็บอกกับเราว่า ไฟต้องปั่นใช้ได้ประมาณ 3-4 ชม. คลื่นโทรศัพท์ก็ไม่มี ต้องไปโทรแถวที่ทำการอุทยานฯ ถึงจะมีคลื่นโทรศัพท์ พวกเรากล่าวคำขอบคุณก็รีบนอน เพราะพวกเรารู้ว่าที่นี่มีน้ำตกที่สวยแห่งหนึ่ง ชื่อว่า น้ำตกนางครวญ แต่กลางคือนอนไม่ค่อยหลับดีซักเท่าไร เนื่องจากอากาศหนาว และพวกเราก็ไม่ได้เตรียมผ้าห่มกันมาเพราะคิดว่าอากาศน่าจะร้อน ผิดคาดอีกแล้ว ในเวลากลางคืนจะเงียบสงัดจริง ๆ จะได้ยินก็เสียงสัตว์ร้อง และเสียงเดินของสัตว์ป่าในบริเวณรอบ ๆ อุทยานฯ พวกเรารีบตื่นนอน ประมาณ 07.00 น. เห็นจะได้ ก็รีบเตรียมตัวเดินทางเข้าไปชมน้ำตกนางครวญ โดยต้องเดินเท้าเข้าไปอีก 700 เมตร ก่อนออกเดินทางเจ้าหน้าที่บอกกับเราว่า ถ้าจะไปน้ำตกนางครวญชั้นที่ 4 ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง เพราะทางค่อนข้างวกวน ส่วนน้ำตกชั้นที่ 2 ไม่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำ เพราะอาจเกิดอันตรายได้



จากนั้นพวกเราก็ออกเดินทาง ระหว่างทางที่จะเดินเข้าไป พวกเราเดินเรียบลำน้ำคลองงู โดยผืนป่าปกคลุมตลอดเส้นทาง อีกไม่ไกลก็ถึงน้ำตกนางครวญชั้นที่ 1

จากนั้พวกเราก็เดินทางต่อไปยังน้ำตกชั้นที่ 2 และน้ำตกชั้นที่ 3 สวยมากครับ


เมื่อชมเสร็จแล้วพวกเราก็กลับมายังที่พัก จากนั้นก็เข้ามาคุยกับเราว่าสนุกไหม พวกเราบอกว่าสนุกและเหนื่อยดี มีโอกาสจะกลับมาเที่ยวไหม และถามกับเจ้าหน้าที่ว่าทำไมถึงชื่อน้ำตกนางครวญ เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นเรื่องที่ชาวบ้านแถวนั้นพูดต่อกันมาว่า มีนักศึกษาหญิงชายคู่หนึ่งมาเที่ยวที่น้ำตกนางครวญชั้นที่ 3 และผู้ชายได้ลงไปเล่นน้ำและเป็นตะคริวทำให้เสียชีวิต ฝ่ายผู้หญิงก็ได้แต่ร้ำไห้คร่ำครวญ ชาวบ้านแถวนั้นจึงเรียกน้ำตกนางครวญ พวกเรากล่าวคำขอบคุณเจ้าหน้าที่อุทยาน และเก็บของเตรียมเดินทางต่อ และก่อนกลับไม่ลืมที่จะใส่ปัจจัยที่ตู้บริจาคหน้าทางเข้าอุทยานฯ พวกเราออกเดินทางประมาณ 10.00 น. แต่ครวนี้เราไม่แวะป้อมปี่ กะว่าจะเลยไปนมัสการหลวงพ่ออุตตมะที่ วัดวังวิเวกการาม ระหว่างทางก็แวะหม่ำข้าวมื้อแรกของวันนี้บริเวณน้ำตกเกริงกะเวีย จากนั้นก็ออกเดินทางต่อไปยังวัดวังวิเวกการามทันที

ก่อนจะเข้าวัดวังวิเวกการาม พวกเราได้แวะชมสะพานมอญ หรือ สะพานอุตตมานุสรณ์ก่อน เพื่อชมวิวบนแม่น้ำสามประสบ แต่ครั้งนี้พวกไม่ได้ล่องเรือไปชมวัดใต้น้ำ หรือวัดจมน้ำ และเจดีย์พุทธคยา จำลอง เพราะเกรงว่าจะไม่ทันเวลา



จากนั้นพวกเราก็เดินทางเข้าวัดวังวิเวกการามและนมัสการร่างหลวงพ่ออุตตมะ และกราบพระพุทธรูปหินอ่อน หรือหลวงพ่อขาว จากนั้นจึงเดินทางต่อยังด่านเจดีย์สามองค์



พวกเราออกจากวัดวังวิเวกการาม ประมาณ 13.00 น. และไปถึงด่านเจดีย์สามองค์ เวลาประมาณเกือบ 14.00 น. จากนั้นก็เดินชมพระเจดีย์ พร้อมเก็บรูปความประทับใจ จากนั้นพวกเราก็เดินช๊อปปิ้งของฝากบริเวณด่านเจดีย์สามองค์ ของฝากส่วนมากเป็นพวกพลอยพม่า กล้วยไม้ และของที่ขึ้นชื่อที่ด่านเจดีย์สามองค์นี้ก็เป็นของจำพวกเครื่องไม้




พวกเราได้เครื่องไม้มากันจำนวนหนึ่งก็เดินทางออกจากด่านเจดีย์สามองค์ประมาณ 15.00 น. จึงเดินทางกลับถึง จ.นครปฐม ประมาณ 20.00 น. พวกเราประมาณการค่าน้ำมันที่ใช้ในการเดินทางอยู่ที่ 2,000 บาท ในทริปการเดินทางครั้งนี้ ถือว่าไม่แพงเพราะหารเฉลี่ยแล้วก็จ่ายคนละไม่กี่บาท ถือว่าเป็นทริปที่สนุกและคุ้มค่ามากสำหรับการเดินทางครั้งนี้ และที่ขาดไม่ได้ต้องขอขอบคุณพรีเซ็นเตอร์จำเป็น น้องจุ๋ม และสมาชิกของ annaontour.com ทุกท่าน เจ้าหน้าที่อุทยานคุณหนุ่ม วุฒิชัย แห่ง อุทยานแห่งชาติลำคลองงูที่อำนวยความสะดวก และที่ขาดไม่ได้ต้องขอบคุณตัวเอง ที่เป็นโชว์เฟอร์ตลอดทริปในการเดินทางครั้งนี้

เรื่องเล่าการเดินทาง จาก Mr.annaontour
DotE
LastUpdate ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 - 16:10:51 น.
 
Information ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของระบบไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม กรุณาแจ้งที่ Email annop_nanya@hotmail.com เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป
 
Copyright © 2009 www.annaontour.com. All rights reserved.
Untitled Document
สถิติผู้เข้าชม ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 3 ราย