anna (Administrator) |
|
เป็นสมาชิกเมื่อ : 18/3/2552 |
โพสต์ : 83 |
|
|
5 มิถุนายน 2552 - 23:29:11 น. |
|
|
ห้วยทราย ปากแบ่ง เชียงของ ภูชี้ฟ้า เทศกาลดอกเสี้ยวบาน จากนั้นจึงเดินกลับสู่ประเทศไทย โดยต้องผ่านนาเตย ห้วยทราย ปากแบ่ง เข้าสู่เชียงของ โดยครั้งนี้พวกเราต้องใช้แพขนานยนต์ข้ามจากฝั่งประเทศลาวมายังประเทศไทย โดยต้องยื่นเอกสารรถ และเอกสารคนเช่นเดิม เมื่อได้ข้ามมาถึงฝั่งไทยแล้ว
พวกเราจึงเดินทางต่อไปพักยังภูชี้ฟ้าอีกหนึ่งคืน เพื่อได้ไปสัมผัสกับเทศกาลดอกเสี้ยวบานเป็นประจำทุกปีของภูชี้ฟ้า โดยเทศกาลวันดอกเสี้ยวบานจะเริ่มตั้งแต่ วันที่ 13-17 กุมภาพันธ์ ของทุก ๆ ปี โดยครั้งนี้พวกเราได้ไปพักที่ภูชี้ฟ้าโฮมสเตย์ พวกเรามาถึงภูชี้ฟ้าประมาณ 1 ทุ่ม จึงเดินทางขึ้นภูชี้ฟ้าก่อน ไปทานอาหารเย็น
ซึ่งระหว่างขึ้นไปยังภูชี้ฟ้า จะสังเกตได้เลยว่าเป็นเทศกาลดอกเสี้ยวบาน เนื่องจากมีของมาจำหน่ายสองข้าทางเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นของกิน และข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ส่วนใหญ่จะเป็นชาวเขาเผ่าต่าง ๆ เยอะมาก หลังจากอิ่มจากอาหารมื้อเย็นที่ร้านอาหารภูชี้ฟ้าพาณิชย์ พวกเราก็กลับมาพักที่ภูชี้ฟ้าโฮมสเตย์เพื่อเก็บแรงไว้ชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าที่ยอดดอยภูชี้ฟ้า
รุ่งเช้าพวกเราตื่นประมาณ 05.30 น. เตรียมตัวขึ้นภูชี้ฟ้ายามเช้า โดยวันนี้เป็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ตอนขึ้นไปบนยอดภูชี้ฟ้า ผมสังเกตเห็นชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ขึ้นไปเยอะมาก โดยส่วนมากจะแต่งตัวประจำเผ่า สอบถามไปมาได้ความคร่าว ๆ ว่า วันนี้เป็นวันดอกเสี้ยวบานคนจึงแห่ขึ้นมากันเยอะเป็นพิเศษ ผมรอชมพระอาทิตย์ขึ้นประมาณเกือบ 7 โมงเช้า จึงลงมาทานอาหารที่ร้านอาหารภูชี้ฟ้าพาณิชย์ เพราะติดใจฝีมื้อของแม่ครัวที่นี่
จากนั้นจึงเดินทางไปดอยผาหม่นเพื่อชมดอกริลลี่ต่อที่ดอยผาหม่นแห่งนี้ พอไปถึงดอยผาหม่นปรากฏว่าดอกโรยเกือบหมดแล้ว แต่ก็ยังมีหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง
จากนั้นพวกเราจึงเดินทางกลับที่พักเพื่อเก็บข้าวของเดินทางกลับยังกรุงเทพฯ แต่ระหว่างกลับต้องเจอปัญหาที่ไม่น่าพบ เมื่อรถติดเป็นจำนวนมากยาวตั้งแต่ภูชี้ฟ้าไปจนถึงแยกที่จะขึ้นที่จะขึ้นมายังภูชี้ฟ้าประมาณเกือบ 10 กม. เพราะว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เป็นชาวเขาไม่ว่าจะอยู่แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ หรือลาว พม่า ต่างก็ขึ้นมากันเป็นจำนวนมาก ต่างใช้เท้าเดินบ้าง ใช้รถมอเตอร์ไซด์ หรือรถยนต์ จากถนน 2 เลน เปลี่ยนเป็นถนน 3 เลน ในพริบตา จึงทำให้รถไม่สามารถออกไปได้ ผมกับป้อมปี่จึงเป็นจราจรจำเป็นเดินโบกรถกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กันตลอดทางเกือบ 10 กม. จึงจะหลุดวิกฤตรถติดมาได้ เหนื่อยเหมือนกันแฮะ
พวกเราอาบน้ำและเก็บข้าวของเดินทางถึงกรุงเทพฯ ประมาณ 2 ทุ่ม เห็นจะได้ จากนั้นจึงแยกย้ายกันเดินทางกลับที่พักแต่ละคน และทุกคนบอกว่าหากครั้งหน้ามีโอกาสคงได้กลับมาเดินทางร่วมกันอีกครั้งในทริปตะลุยเวียดนาม แล้วพบกันใหม่ครับ
เรื่องเล่าการเดินทาง จาก Mr.annaontour
<<กลับไปอ่านหน้า 3>> |
ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2552 - 23:31:46 น. |
|
|