User ยินดีต้อนรับ ผู้มาเยี่ยม
   

ให้บริการเช่ารถตู้ พร้อมคนขับ สำหรับ : ท่องเที่ยว ประชุม สัมมนา ตีกอล์ฟ รับ-ส่ง แบบรายวัน วิ่งงานประจำ
บริการเช่ารถตู้เอ็นจีวี เป็นรถตู้รุ่นใหม่ รุ่น VVT-I สามารถใช้ได้ทั้งระบบก๊าซเอ็นจีวี และระบบน้ำมัน
ที่ได้รับมาตรฐานจากศูนย์เอ็นจีวีคาร์เซ็นเตอร์ ความปลอดภัยดีเยี่ยม
เป็นรถประหยัดเชื้อเพลิง เพียง กม.ละ 1 บาท เท่านั้น ภายในรถตู้กว้าง พร้อมเครื่องเสียง ทีวี แอร์เย็นฉ่ำ
จองที่พักปาย
จองที่พักปาย
โต๊ะจีนนครปฐม โต๊ะจีนดี คุณภาพอาหารเยี่ยม ไมตรีโภชนา
โต๊ะจีนนครปฐม โต๊ะจีนดี คุณภาพอาหารเยี่ยม ไมตรีโภชนา
  NewTopic NewReply
 Topic เที่ยวแดนอีสานแล้วไปต่อที่เวียงจันทน์
User anna (Administrator)
เป็นสมาชิกเมื่อ : 18/3/2552
โพสต์ : 83
 
Vcard 6 มิถุนายน 2552 - 09:04:46 น.  
DotE

เที่ยวแดนอีสานแล้วไปต่อที่เวียงจันทน์
รถใกล้จะออกแล้ว นั่นเป็นเสียงที่เพื่อน ๆ ในกลุ่มบอกถึงกัน วันนี้ผมโชคดีที่มีโอกาสได้เดินทางร่วมกับกลุ่มคอมพิวเตอร์ (จาก ม.ราชภัฏนครปฐม) ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกันมาแต่ไหนแต่ไรมา จึงทำให้การเดินทางครั้งนี้ของผมดูคึกคักเข้าไปอีก รถที่ใช้เดินทางเป็นรถปรับอากาศ 2 ชั้น มีเพื่อน ๆ ที่ร่วมเดินทางด้วยกันประมาณ 30 ท่าน จากนั้นรถก็ออกจาก ม.ราชภัฏนครปฐม เวลาประมาณ 09.00 น. โดยวิ่งไปทางอ.บางเลน ออกทางลำลูกกา ปทุมธานี อยุธยา สระบุรี และเข้าสู่โคราช ประมาณตอนเที่ยง และแล้วก็ถึงเวลาหม่ำข้าวเที่ยง พวกเราได้แวะที่ร้านข้าวแกง 100 หม้อ ที่โคราช (ถึงก่อนฟาร์มโชคชัยประมาณ 500 เมตร และอยู่คนละฟากถนนกับฟาร์มโชคชัย) บรรยากาศร้านสบาย ๆ ส่วนอาหารก็เป็นข้าวแกงราดข้าว รสชาติใช้ได้ครับ

หลังจากที่พวกเราอิ่มจากมื้อเที่ยงแล้ว ก็ต้องแวะเข้าไปกราบหลวงพ่อโตที่วัดโนนกุ่มเพื่อความเป็นศิริมงคลต่อพวกเราครับ พอลงจากรถเท่านั้นฝนก็เริ่มปรยปรายลงมาเล็กน้อย และอากาศก็ออกจะครึ้ม ๆ พวกเรารีบวิ่งเข้าไปในวิหารหลวงพ่อโตทันที จากนั้นก็กราบขอพรจากหลวงพ่อโต และรอจนฝนหยุดตก พวกเราก็ออกมาเริงร่าต่อเพื่อเก็บรูปมาฝากกับเพื่อน ๆ ทางบ้าน โดยทริปนี้ผมมีโอกาสได้อยู่หน้าเลนส์กับเขาบ้างแล้ว เพราะเพื่อน ๆ ที่เดินทางด้วยกันช่วยสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันถ่ายภาพ สบายเลยเราอิอิ






หลังจากขอพรพลวงพ่อโตที่วัดโนนกุ่มแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางต่อมายัง จ.ขอนแก่น และถึงที่พักภายใน ม.ขอนแก่น ประมาณ 18.00 น. (คืนนี้พวกเราพักในหอพักเปิดใหม่ใน ม.ขอนแก่น) และต้องเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้ พวกเราคิดว่ายังไงมาถึงขอนแก่นแล้วก็ต้องเที่ยวขอนแก่นให้ได้ และความพยายามของเราก็เป็นจริง เมื่อเพื่อนเราในกลุ่มมีพี่ชายที่มาตั้งรกรากที่ จ.ขอนแก่น อยู่แถวบริเวณบึงแก่นนคร จึงเป็นโอกาสดีของพวกเราที่จะได้รบกวนพี่ชายท่านนั้น เป็นไกด์พาพวกเราย่ำราตรีที่ตัวเมืองขอนแก่น เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็มีรถกระบะคันหนึ่งขับมาจอดรอที่หน้าหอพักภายใน ม.ขอนแก่น พวกเรากล่าวทักทายและก็กระโดดขึ้นหลังรถทันที พวกเราให้พี่ชายท่านนั้นพาไปกินข้าวมื้อเย็นในตัวเมืองขอนแก่น จากนั้นก็ออกเดินทางไปชมรอบ ๆ บึงแก่นนครในช่วงประมาณ 19.30 น. ต่อ บรรยากาศโดยรอบบึงแก่นนครก็เป็นร้านอาหารแบบสถานบันเทิงเล็ก และมีสวนสาธารณะเป็นหย่อม ๆ แต่ผู้คนก็เริ่มลดน้อยลงเพราะเริ่มมืดเข้าไปทุกขณะ


จากนั้นพวกเราก็เดินทางต่อมายังศาลหลักเมืองขอนแก่นต่อทันที มีผู้คนเดินทางเข้ามาสักการะศาลหลักเมืองขอนแก่นเรื่อย ๆ อย่างไม่ขาดสายถึงแม้จะเป็นช่วงดึก พวกเราจึงเข้าสักการะเสาหลักเมืองที่ศาลหลักเมืองขอนแก่น และก็ชื่นชมความงามของแสงสีที่ตกแต่งอย่างสวยงามที่ศาลหลักเมืองขอนแก่นซักพัก ก็ออกเดินทางกลับสู่ที่พักเพราะดึกมากแล้ว และกล่าวอำลาพี่ชายท่านนั้นประมาณ 23.00 น. เห็นจะได้ แล้วพวกเราก็แยกย้ายกันเข้านอน






รุ่งเช้าพวกเราเช็คเอาท์และรับประทานอาหารเช้าที่ร้านอาหารภายใน ม.ขอนแก่น จากนั้นก็ออกเดินทางต่อไปยังพระธาตุขามแก่นที่วัดเจติยภูมิ โบราณสถานที่สำคัญและศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของ จ.ขอนแก่น พวกเราอ่านประวัติความอัศจรรย์ที่กล่าวไว้ว่า มีพระอรหันต์ 9 องค์ ได้อัญเชิญพระอังคารธาตุ (ฝุ่น) ที่จะนำไปประดิษฐานที่พระธาตุพนม โดยระหว่างทางได้นำพระอังคารธาตุไว้กับตอแกนมะขามที่ตายแล้ว แต่เมื่อไปถึงพระธาตุพนมปรากฏว่าได้สร้างเสร็จแล้ว จึงเดินทางกลับมายังเส้นทางเดิม ได้เห็นต้นมะขามใหญ่ที่เหลือแต่แก่นกลับลุกขึ้นผลิดอก ออกผล แตกกิ่งก้านสาขา มีใบเขียวชะอุ่มเป็นที่อัศจรรย์ จึงได้ก่อสร้างพระธาตุครอบต้นมะขาม และบรรจุพระอังคารธาตุไว้ภายใน และเรียกชื่อว่า พระธาตุขามแก่น พวกเราชื่นชมความงดงามของพระธาตุขามแก่นอย่างเต็มอิ่ม ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ จ.หนองคาย โดยต้องผ่าน จ.อุดรธานี เข้าสู่ตัว จ.หนองคาย จากนั้นก็หาอะไรใส่ท้องในมื้อเย็นจนเรียบร้อยแล้ว จึงมุ่งหน้าเข้าสู่ที่พักที่โรงแรมโรยัลจอมมณี โดยเราจะต้องค้างที่นี่เป็นเวลา 2 คืน



รุ่งเช้าพวกเรารับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมโรยัลจอมมณี จากนั้นเจ้าหน้าที่ บ.ณัฐชา อินเตอร์ทราเวล ก็เข้ามาทักทายพวกเรา และพร้อมที่จะนำพวกเราเข้าท่องเที่ยวในประเทศลาว (เป็นบริษัทท่องเที่ยวที่พวกเราได้ติดต่อเข้าไปในประเทศลาว) พวกเราออกเดินทางจากโรงแรมตอน 07.00 น. และใช้เวลาเพียง 20 นาที ก็เดินทางมาถึงด่านตม.ไทย เจ้าหน้าที่ บ.ณัฐชา อินเตอร์ทราเวล ก็พาพวกเราผ่านตม.ไทย จากนั้นรถก็พาพวกเราข้ามสะพานมิตรภาพไทย ลาว ซึ่งมีความยาว 1173 เมตร และกว้าง 12.51 เมตร โดยสะพานนี้ออกแบบเพื่อใช้เป็นทางรถไฟเชื่อมต่อไปยังประเทศจีนในอนาคต และแล้วพวกเราก็มาถึงด่านตม.ลาว และเจ้าหน้าที่ก็ทำเรื่องผ่านด่านตม.ลาว และพาพวกเรามารู้จักกับไกด์สาวลาวชื่อน้องหน่อย จากนั้นไม่นานก็มีรถทัวร์รถปรับอากาศชั้นเดียวของลาว บรรทุกผู้โดยสารประมาณ 30 ที่นั่ง มารอรับพวกเรา น้องหน่อยพาพวกเราขึ้นรถและก็กล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง และทำให้พวกหนุ่ม ๆ ภายในรถอย่างพวกเรากระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันที




จุดแรกที่ไกด์สาวพวกเราไปก็คือ พระธาตุหลวง โบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของเมืองเวียงจันทน์ สีเหลืองอร่ามตระหง่านอย่างงดงาม ที่นี่เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ ส่วยหัวเหน่า เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวลาว เป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง เล่ากันว่าที่นี่สร้างทับรูพญานาคที่ปกปักษ์รักษาเมืองลาวเอาไว้ ทำให้พญานาคออกมาไม่ได้ อริราชที่เข้ามาจึงมาทำลายเมืองลาวได้ง่ายๆ




พวกเราใช้เวลาในการนมัสการและทำบุญประมาณ 1 ชม. ก็ออกเดินทางต่อไปยัง ประตูชัยของประเทศลาว สร้างขึ้นโดยรัฐบาลฝรั่งเศสสมัยเข้ามาครอบครองประเทศ โดยสร้างถนนและประตูชัยให้คล้ายกับชอง เอลิเซ่ในฝรั่งเศส แต่ยังสร้างไม่เสร็จดี ชาวลาวก็ประกาสอิสรภาพเสียก่อน ดังนั้น คำว่าชัยชนะของประตูนี้จึงหมายถึงชัยชนะของชาวลาว บริเวณรอบ ๆ ประตูชัยเป็นลานกว้างมีประชาชนชาวลาวมานั่งเล่นโดยรอบ แต่ที่จะเห็นเยอะหน่อยก็พวกช่างภาพที่คอยบริการถ่ายรูปนักท่องเที่ยว





พวกเราใช้เวลาที่นี่ซักพักใหญ่ ๆ เพราะมัวแต่ถ่ายรูปกันจนเพลินจึงออกเดินทางต่อไปยังหอพระแก้ว หรือวัดพระแก้วลาว เป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยไม่มีพระภิกษุจำวัดอยู่เลย ไกด์หน่อยบอกกับพวกเราว่าให้ถ่ายภาพได้เฉพาะรอบนอกพระอุโบสถหอพระแก้วเท่านั้น ภายในมีแท่นที่เคยประดิษฐานพระแก้วมรกต ส่วนพระแก้วปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่ประเทศไทย ภายในยังมีพระพุทธโบราณอยู่อีกหลายองค์ แต่ส่วนใหญ่ถูกตัดยอดเศียรเพื่อเอาทองคำที่อยู่บนยอดเศียรพระไป (ไกด์หน่อยบอกว่าคนที่ตัดไปก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกก็พี่ไทยเรานี่แหละ)


จากนั้นไกด์หน่อยก็พาพวกเราขึ้นรถไปยังวัดสีเมือง เพื่อนมัสการเสาหลักเมืองเวียงจันทน์ โดยใช้ต้นผึ้งที่มีลักษณะเป็นต้นเหลือง ๆ สวยดีแฮะ และมีธูป เทียน เป็นเครื่องนมัสการเสาหลักเมือง


จากนั้นพวกเราก็เดินทางต่อไปยังร้านอาหารหลัก 4 ในลาว ติดอยู่ริมแม่น้ำโขง อาหารมื้อนี้อร่อยดีครับ เพราะหิวมาก ๆ อาหารก็แบบบ้านเราถูกปากดี มีลาภ ปลาทอด ปลาผัดเผ็ด น้ำพริกเครื่องเคียง บวกกับเครื่องดื่มอันเลิศรส ก็เขยลาวไง (เบียร์ลาวนั่นแหละ)

หลังจากอิ่มมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารหลัก 4 แล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องไปละลายทรัพย์ ต่อที่ตลาดอินโดจีน ข้าวของส่วนใหญ่ก๊อปปี้แบรนด์เนมแท้ ๆ ราคาถูก ส่วนใหญ่เป็นของสุภาพสตรีพวกผมจึงได้แค่เดินชมกันอย่างเดียว

จากนั้นไกด์หน่อยก็นำพวกเรามายังตลาดเช้าต่อ ที่นี่มีข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่าง ไกด์หน่อยบอกว่ามีตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ (เรือรบของเด็กเล่นหนะ) พวกเราเดินช๊อปประมาณ 1 ชม. ก็ได้ กระเป๋าเดินทางลูกใหญ่ ๆ แค่ 700 บาท มา 1 ลูก กับของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ จำนวนหนึ่ง

จากนั้นก็เดินทางต่อมายังดิวตี้ฟรี ไกด์หน่อยบอกว่าสินค้าที่ดิวตี้ฟรีจะเป็นสินค้าปลอดภาษี ราคาถูก ก็จริงบางส่วน ผมสะดุดตากับโทรศัพท์อยู่ 1 เครื่อง ราคาประมาณสองพันกว่าบาท ก่อนซื้อก็ทดสอบระบบต่าง ๆ ของเครื่องว่าใช้ได้ดีหรือปล่าว ประมาณเกือบชั่วโมง ผมจึงตัดสินใจซื้อ (เป็นของจีนหนะ รับประกันแค่ 3 เดือน) จากนั้นก็หาเขยลาวกลับไปฝั่งไทยอีกจำนวนหนึ่ง

พวกเราอำลาไกด์หน่อย ในช่วงประมาณ 05.00 น. จากนั้นเจ้าหน้าที่ บ.ณัฐชา อินเตอร์ทราเวล ก็พาพวกเราข้ามด่านตรวจคนเข้าเมืองลาว-ไทย และเดินทางต่อมายังวัดโพธิชัย ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อพระใส อันเป็นที่เคารพนับถือของชาว จ.หนองคาย จนเกือบถึงเวลา 17.00 น. วัดจะปิด




บ.ณัฐชา อินเตอร์ทราเวล พาพวกเรามานั่งรับประทานอาหารเย็นแกล้มพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ริมแม่น้ำโขง ณ ร้านอาหารระเบียงโขง บริเวณท่าเสด็จ บริเวณท่าเสด็จเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และออกกำลังของคนในบริเวณนั้น บรรยากาศในช่วงเย็นดีมาก ๆ มองเห็นพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าสะท้อนกับแม่น้ำโขงได้อย่างงดงามจริง ๆ พวกเราจริงใช้เวลารับประทานอาหารเย็นอย่างมีความสุข และเดินทางกลับมาพักที่โรงแรมโรยัลจอมมณี ประมาณ 21.00 น. เห็นจะได้ พวกเรายังไม่ยอมนอนหรอก ไหน ๆ มาเที่ยวทั้งทีก็ต้องเอาให้เต็มฤทธิ์ ก็เลยนั่งชื่นชมเบียร์ลาวจน 03.00 น. ก็กระจายตัวกันเข้านอนตามระเบียบ








รุ่งเช้าพวกเราก็งัวเงียกว่าจะรู้ตัวก็ปาเข้าไปเกือบแปดโมงเช้าแล้ว แต่งตัวเสร็จก็รีบไปรับประทานมือเช้าที่โรงแรมก่อนจะเช็คเอาท์แล้วออกเดินทางต่อ วันนี้พวกเราไม่รีบซักเท่าไรรถก็ขับไปเรื่อย ๆ จอดไหนก็ลงนั่น แต่ผมจำไม่ค่อยได้แล้วหละเพราะมัวแต่หลับอยู่บนรถ จำได้อีกทีตอนเพื่อน ๆ มาปลุกให้แวะลงไปซื้อของฝากที่ จ.อุดรธานี ที่หมู่บ้านนาข่า และศูนย์หัตถกรรมบ้านเม่น เป็นหมู่บ้านที่มีการทอผ้าขิด และจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผ้าขิดในราคาย่อมเยามากมาย ส่วนมากจะเป็นสินค้าของผู้สูงอายุมากกว่า พวกเราก็ได้แต่เดินชม ไม่นานก็ขึ้นไปนอนบนรถต่อและไม่หม่ำข้าวเที่ยง และไม่รู้ว่าเขาจอดหม่ำข้าวเที่ยงกันตอนไหนและเวลาไหนก็เราดันนอนดึกเองนี่ (ประหยัดตังค์ได้อีกมื้อ) ประมาณ 17.00 น. ก็มาถึงตัวเมือง จ.มหาสารคราม จากนั้นก็เข้าสู่ที่พักที่โรงแรมวสุอยู่ในตัวเมือง จ.มหาสารคราม





หลังจากเช็คอินท์และได้เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าพวกเราก็ออกมาหาอาหารมื้อเย็น มองไปมองมาไม่เห็นมีร้านค้าซักเท่าไรเห็นแต่ร้านเนื้อย่างเกาหลี จึงตัดสินใจเข้าไปดูซิว่าจะอร่อยสู้ จ.นครปฐมเราได้หรือปล่าว จากการที่ได้ลิ้มหมูย่างเกาหลีที่ จ.มหาสารคราม รสชาติที่ จ.นครปฐมจะถูกปากพวกเรามากกว่า หรือว่าทางมหาสารครามเขาชอบรสชาติแบบนี้ ส่วนเรื่องราคาชุดละ 100 บาท แต่พวกเรา 6 คน กินไปตั้ง 6 ชุด ยังไม่รู้สึกอิ่มเลย ที่นครปฐมน่าจะถูกกว่า จากนั้นก็เช็คบิลไปหาอะไรกินต่อในมื้อดึก โชคดีที่ได้มาม่ามาคนละกล่องที่มินิมาร์ทที่อยู่คนละฟากถนน เราเดินเล่นกันจนเพลินจนเวลาปาเข้าไปทุ่มกว่าจึงเดินทางกลับที่พัก
รุ่งเช้าพวกเราก็อิ่มที่โรงแรมพร้อมกับเช็คเอาท์ และเดินทางกลับ จ.นครปฐมตอน 08.00 น. และถึงโคราชประมาณตอนเที่ยง กะว่าจะไปแวะที่ลานด่านเกวียนก่อน แล้วกะว่าจะมาแวะนมัสการอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรืออนุสาวรีย์ย่าโม ในตอนขากลับ โดยรถวิ่ง ตามทางหลวงสาย 224 (โคราช-โชคชัย) ประมาณ 15 กม. ก็ถึงลานด่านเกวียน เป็นลานที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผามากมายเรียงรายบริเวณลานด่านเกวียน และบริเวณสองทางข้างทางถนนสาย(โคราช-โชคชัย) สินค้าลานด่านเกวียนราคาไม่แพงสามารถต่อรองราคาได้ พวกเราจึงมีของฝากติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนทางบ้านกันมากพอสมควร บริเวณลานด่านเกวียนไม่ค่อยมีร้านอาหาร พวกเราจึงมุ่งหน้าไปนมัสการอนุสาวรีย์ย่าโม และคิดว่าจะอาหารกินในตัวเมืองโคราช แต่เมื่อไปถึงปรากฏว่าไม่มีที่จอดรถและตำรวจจราจรก็ไม่ยอมให้รถจอด พวกเราจึงได้แต่ไหว้อนุสารีย์ย่าโมบนรถเท่านั้น









จากนั้นคนขับรถก็พาพวกเรามาซื้อของที่ร้านของฝากปึงหงี่เชียง ก่อนจะไปซื้อของฝากพวกเราก็ไปหาอะไรกินกันก่อน เพราะบริเวณใกล้ ๆ ร้านปึงหงี่เชียงมีร้านข้าวอยู่หลายร้าน จากนั้นพวกเราก็ซื้อฝากจำพวกปลาส้ม หมูยอ หม่ำหมู แหนม เป็นของฝากคนทางบ้าน

และได้เดินทางออกจากร้านของฝากปึงหงี่เชียง ตอน 14.00 น. และเดินทางผ่าน จ.สระบุรี จ.อยุธยา จ.ปุทมธานี เข้าสู่ จ.นครปฐม และถึง ม.ราชภัฏนครปฐม ประมาณ 18.30 น. ก่อนกลับทุกคนในกลุ่มต่างบอกต่อกันว่า "แล้วเอาไว้เดินทางด้วยกันในครั้งหน้านะ" จากนั้นก็กล่าวคำอำลาและเดินทางแยกย้ายกนกลับบ้าน

เรื่องเล่าการเดินทาง จาก Mr.annaontour

DotE
LastUpdate ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2552 - 11:08:32 น.
 
Information ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของระบบไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม กรุณาแจ้งที่ Email annop_nanya@hotmail.com เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป
 
Copyright © 2009 www.annaontour.com. All rights reserved.
Untitled Document
สถิติผู้เข้าชม ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 44 ราย