ทัวร์ทุ่งดอกกระเจียว ป่าหินงาม ดอกกระเจียว สุดแผ่นดิน น้ำตกวังก้านเหลือง เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ไร่องุ่นเทพสถิต วันเดียว 950 บาท เดินทางทุกวันเสาร์ และวันอาทิตย์
ทัวร์ทุ่งดอกกระเจียว ทัวร์ป่าหินงาม สุดแผ่นดินภาคอีสาน ในช่วงเข้าฤดูฝน เป็นฤดูที่ธรรมชาติจะได้พักฟื้น สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งถูกปิด เพื่อฟื้นฟูสภาพ จึงเป็นช่วงที่ผมและเพื่อน ๆ ออกเดินทางน้อยลง แต่หากพวกเราไม่ได้เดินทางนาน ๆ ก็เหมือนมีสิ่งหนึ่งขาดหายไปจากตัวเรา ผมจึงอยากจะเติมเต็มสิ่งนี้ให้คงอยู่กับพวกเราตลอดไป ทริปช่วงหน้าฝนจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายสถานที่ขึ้นชื่อในช่วงหน้าฝนกก็คือทุ่งดอกกระเจียว ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จ.ชัยภูมิ ผมหลับตาแล้วอดคิดถึงภาพดอกกระเจียวสีชมพูบานสะพรั่งเต็มทุ่งหญ้าสีเขียวชะอุ่ม ที่รายล้อมด้วยไอหมอกในยามเช้าที่แสนจะเย็นสบายทุกครั้ง คิดทีไรรู้สึกสบายใจทุกครั้ง
ทริปนี้จึงเกิดขึ้นอีกครั้งโดยการรวมตัวสมาชิก 4 ท่าน ด้วยกัน (หน้าเดิม ๆ) ผม แอนนาขาลุย ป้อมปี่ ยูมิโกะ และเด็กญี่ปุ่น เรานัดเจอกันที่หน้า มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมช่วงเวลาตี 2 กับพาหนะคู่ใจรถยนต์ส่วนบุคคลของป้อมปี่ ที่ใช้พลังงานจากก๊าซ LPG ซึ่งจะทำให้เราประหยัดค่าเชื้อเพลิงค่อนข้างมาก เพราะตลอดการเดินทางปั๊มก๊าซ LPG บริการตลอดเส้นทาง การเดินทางในครั้งนี้ พวกเราไม่ได้เตรียมสัมภาระอะไรมาก นอกจากกล้องถ่ายรูปของแต่ละคน เพราะกะว่าเดินทางใช้เวลาแค่วันเดียวเท่านั้น ในช่วงเย็นก็จะเดินทางกลับกันเลย เมื่อถึงเวลาพวกเราก็มารวมตัวถึงที่หมายในเวลา 02.00 น. เป๊ะ พวกเราใช้เส้นทางไปทาง อ.กำแพงแสน (เส้นทางหลวงหมายเลข 321) แล้วเลี้ยวเข้าไปทาง อ.บางเลน (เส้นทางหลวงหมายเลข 346) แล้วเลี้ยวไปทาง อ.ลาดหลุมแก้ว จนไปถึงสี่แยกนพวงศ์ แล้วไปทาง อ.บางประอินทร์ ให้มุ่งหน้าสู่เส้นทางหลวง หมายเลข 9 (วงแหวนรอบนอกตะวันตก) ทะลุออกถนนเส้นกาญจนภิเษก มุ่งสู่เส้นทางหลวงหมายเลข 1พหลโยธิน ไปทาง จ.สระบุรี จากนั้น ให้เลี้ยวไปทาง จ.เพชรบูรณ์ โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 21 จากนั้นให้เลี้ยวไปทาง บ้านลำนารายณ์ อ.ชัยบาดาล ที่สี่แยกม่วงค่อม โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 205 สู่บ้านหนองรี - เทพสถิต (วะตะแบก) ระยะทาง 49 กม. ถึงสามแยกอ.เทพสถิต ไฟเขียวไฟแดง เลี้ยวซ้าย วิ่งไปหลักกม.ที่17 เลี้ยวซ้ายเข้าบ้านไร่ วัดเขาประตูชุมพล อช.ป่าหินงาม เป็นถนนลาดยางอย่างดี ประมาณ 14 กม. ก็จะถึงอุทยานแห่งชาติป่าหินงามในช่วงเวลาประมาณ 06.00 น.
อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ตั้งอยู่บนเทือกเขาพังเหย ภูมิประเทศเป็นเนินเขาสลับซับซ้อน ระดับความสูงประมาณ 200-800 เมตรจากระดับน้ำทะเล ปกคลุมด้วยป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณ มีความหลากหลายของระบบนิเวศและมีไม้ดอกจำพวกดุสิตา เอนอ้าและกล้วยไม้ ขึ้นอยู่จำนวนมาก พวกเราหาที่จอดรถได้แล้วจึงเดินทางชมบรรยากาศรอบ ๆ ของจุดให้บริการอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จากนั้นจึงเดินไปชำระค่าบริการคนละ 10 บาท ก่อนเดินทางขึ้นไปชม สุดแผ่นดิน ทุ่งดอกกระเจียว และลานหินงาม โดยต้องเสียค่ารถนำเที่ยวอีกท่านละ 20 บาท (เราไปช่วงเทศกาลจึงมีรถนำเที่ยวบริการอยู่หลายคัน)
จุดแรกที่รถนำเที่ยวพาไปก็คือ สุดแผ่นดิน ซึ่งมีระยะห่างจากทางเข้าประมาณ 2 กิโลเมตร สุดแผ่นดิน เป็นจุดที่สูงที่สุดของเทือกเขาพังเหย (846 เมตร) เกิดจากการดันตัวของแผ่นดินภาคกลาง (ฉานไทย) ซุกเข้าใต้แผ่นดินภาคอีสาน (อินโดไชน่า) ทำให้เกิดขอบยกสูงขึ้น แบ่งระหว่างภาคกลางกับภาคอีสาน จึงเรียกบริเวณนี้ว่า สุดแผ่นดินอีสาน-กลาง พวกเรานั่งสูดอากาศที่บริสุทธิ์อย่างเต็มปอด ท่ามกลางไอหมอกที่เย็นชื่นใจ เมื่อมองไปด้านล่างก็จะเห็นทิวเขารายล้อมด้วยป่าไม้อันสีเขียวขจี โดยมีสายหมอกปกคลุมเป็นหย่อม ๆ มองแล้วจนอยากทำให้ไม่อยากไปไหนอยากจะอยู่จุดนี้นาน ๆ จนนักท่องเที่ยวเริ่มเยอะขึ้น พวกเราจึงเดินทางเท้าไปทุ่งดอกกระเจียวต่อ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดนี้ประมาณ 350 เมตร
ทุ่งดอกกระเจียว หรือ ทุ่งบัวสวรรค์ เป็นท้องทุ่งหญ้าเพ็กสีเขียว โดยมีดอกกระเจียวสีชมพูอมม่วงขึ้นแซมอยู่ทั่วไป ท่ามกลางสายหมอกที่เย็นสบาย มองกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ เวลาที่เหมาะสมต่อการเดินทางมาเที่ยวชมอยู่ในช่วง เดือนมิถุนายน-สิงหาคม พวกเราเดินทางเที่ยวชมทุ่งดอกกระเจียวบนทางเดินที่ทางอุทยานฯ ได้จัดทำไว้ให้ โดยไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินลงไปบนทุ่งดอกกระเจียว เป็นระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร หลังจากเดินเที่ยวชมอย่างสบายใจ พวกเราก็มารถนำเที่ยว ณ จุดรอรถ จากนั้นรถนำเที่ยวพาพวกเราเดินทางต่อไปยังลานหินงาม
ลานหินงาม เป็นบริเวณที่มีโขดใหญ่รูปร่างแปลกๆ กระจายอยู่เต็มไปหมดในเนื้อที่กว่า 10 ไร่ เกิดจากการกัดเซาะของเนื้อดินและหินเป็นรูปลักษณ์แตกต่างกัน สามารถจินตนาการเป็นรูปต่าง ๆ เช่น หินรูปตะปู รูปเรด้าร์ รูปแม่ไก่ รูปถ้วยฟีฟ่า ฯลฯ หลังจากที่พวกเราลงจากรถนำเที่ยว ก็ได้เข้าไปชมอาคารนิทรรศการป่าหินงาม ด้านในมีประวัติ และเรื่องราวของอุทยานฯแห่งนี้ และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ของ จ.ชัยภูมิ
หลังจากออกจากอาคารนิทรรศการพวกเราก็เดินทางเท้า ไปชมหินที่มีรูปร่างแปลก ๆ ต่อ พวกเราเดินชมหินที่ขึ้นชื่อของลานหินงามได้แก่ หินถ้วยฟีฟ่าหรือหินรูปตะปู หินรูปแม่ไก่ หินปู่ หินช้าเอราวัณ หินรูปราสาท ฯลฯ พวกเราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมง จึงมารอรถนำเที่ยวเพื่อกลับไปยังที่ทำการอุทยาน เพื่อซื้อของที่ระลึกนำไปฝากคนทางบ้าน
หลังจากที่รถนำเที่ยวพาพวกเรามาส่งที่ทางเข้าอุทยานฯ ก็จะพบกับร้านค้าโอท็อป และสินค้าขึ้นชื่อมากมายของ จ.ชัยภูมิ และจังหวัดใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ หลังจากได้ของฝากแล้ว พวกเราจึงเดินทางไปทานอาหารเช้าที่ร้านค้าสวัสดิการ มื้อนี้เราได้ไส้กอก หม่ำ ซาลาเปา เป็นอาหารมื้อแรกสำหรับวันนี้ ผมซื้อหม่ำมาลูกละ 50 บาท และไส้กรอกประมาณ 40 บาท พร้อมกับซาลาเปารูปกระต่ายลูกละ 10 บาท คนละ 1 ลูก อาหารมื้อนี้ถูกปากครับ และติดใจกับไส้กรอกชัยภูมิ จนต้องเบิ้ลอีก 1 รอบ
หลังจากอิ่มอร่อยในมื้อเช้าแล้ว พวกเราได้ข่าวมาว่ามีสวนลำใยที่ปลูกท่ามกลางรีสอร์ท ที่เจษฎาบ้านตอไม้รีสอร์ท ที่อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 2 กิโลเมตร พวกเราจึงเดินทางตามป้ายบอกทางไปยังเจษฎาบ้านตอไม้รีสอร์ท และก็ต้องชอบกับสวนลำใย และบ้านที่รูปร่างแปลกตาท่ามกลางบรรยากาศแบบธรรมชาติรายล้อมรีสอร์ท เมื่อเดินทางเข้าไปพวกเราก็ได้พบกับเจ้าของรีสอร์ท และคุยกันถูกคอ ก็เลยได้ลำใยฟรีจากต้นสด ๆ มาทานกันระหว่างเดินทางกลับ
พวกเราเที่ยวชมจนเกือบถึงเวลา 12.00 น. จึงเดินทางต่อ และกะว่าจะหาอะไรทานในช่วงมื้อกลางวันระหว่างการเดินทางกลับ และมาสะดุดตากับไร่องุ่นเทพสถิต โดยผมมาตามเส้นทางหมายเลข 205 ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 28 เลี้ยวขวาเข้ามาประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะพบกับไร่องุ่นเทพสถิต พวกเราแวะไปในช่วงนี้ไม่พบกับไร่องุ่นเทพสถิต แต่พบกับร้านอาหารของไร่องุ่นเทพสถิต ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติน่านั่งมาก อาหารมีตั้งแต่ขนมจีนบุฟเฟ่อิ่มละ 30 บาท อาหารตามสั่งกาแฟสด และน้ำองุ่น หลังจากอิ่มอร่อย และพักกับบรรยากาศสบาย ๆ จากไร่องุ่นเทพสถิต พวกเราก็ทางเดินทางกลับและคิดว่าจะแวะเที่ยวอีกสองแห่ง ได่แก่ น้ำตกวังก้านเหลือง และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
เราใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 205 จนถึงสี่แยกท่ามะนาว อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2089 ตรงไปอีกประมาณ 13 กิโลเมตร ก็จะถึงทางเข้าน้ำตกวังก้านเหลือง ซึ่งจะอยู่ทางขวามือ ขับเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะพบลานจอดรถสวนรุกขชาติน้ำตกวังก้านเหลือง ซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลท่าดินดำ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี เป็นน้ำตกประหลาดที่เกิดขึ้นมาโดยธรรมชาติสร้างสรรค์เป็นพิเศษ น้ำตกแห่งนี้เกิดจากน้ำผุดจำนวนหลายจุดที่ผุกขึ้นมาจากลำห้วยเล็กๆชื่อว่า "ห้วยมะกอก" จากจุดน้ำผุดเหล่านี้ น้ำจะไหลคดเคี้ยวเป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรก็จะมารวมกันที่อ่างน้ำซึ่งเป็นวังหว้างมีสันหินปูนขวางกันอยู่ น้ำที่ไหลเอ่อมาจากต้นน้ำก็จะทิ้งตัวลงไปปะทะกับหินปูน ทำให้เกิดเป็นน้ำตกกว้างกว่า 20 เมตร ลดหลั่นกันไป หลายชั้นดูสวยงามมาก น้ำจะไหลเป็นทางยาวกว่า 3 กิโลเมตร แล้วจะมาบรรจบกันที่แม่น้ำป่าสัก นอกจากมีน้ำตกที่สวยงามแล้ว ยังมีสะพานแขวนที่สร้างขึ้นเมื่อปี 2535 เป็นสะพานแขวนทำด้วยลวดสลิงขนาดใหญ่ เป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในจัวหวัดลพบุรี มีความยาวถึง 66 เมตร เป็นทางเดินข้ามน้ำตกระหว่างฝั่งอำเภอชัยบาดาล กับอำเภอท่าหลวง พวกเราใช้เวลาพักผ่อนที่น้ำตกวังก้านเหลืองประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ออกเดินทางต่อไปยังเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
พวกเราใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 21 เลี้ยวซ้ายตรงแยกที่จะไปเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เข้าไปยังเส้นทางหลวงหมายเลข 3017 ลพบุรี - โคกตูม - พัฒนานิคม ระยะทาง 48 กิโลเมตร ก็จะถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ตั้งอยู่ที่บ้านแก่งเสือเต้น ตำบลหนองบัว เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เป็นชื่อที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้กับเขื่อนแห่งนี้ สร้างภายใต้โครงการพัฒนาลุ่มแม่น้ำป่าสัก อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2542 เป็นเขื่อนแกนดินเหนียวที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาว 4,860 เมตร ความสูงที่จุดสูงสุด 36.50 เมตร จุดเด่นที่น่าสนใจภายในเขื่อน ได้แก่ จุดชมวิวสันเขื่อพิพิธภัณฑ์ลุ่มน้ำป่าสัก ซึ่งแสดงความรู้ด้านธรรมชาติ และวัฒนธรรม ร้านจำหน่ายของที่ระลึกของชาวบ้าน พวกเราเดินชมบริเวณริมเขื่อน และนั่งรอรถรางเพื่อนำเที่ยวแต่เผอิญฝนดันตก รถรางนำเที่ยวจึงงดบริการ พวกเรารอจนฝนซาจึงแวะไปซื้อของฝากจากจังหวัดลพบุรีก่อนกลับบ้าน
พวกเราออกเดินทางจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ประมาณ 17.30 น. และเดินทางกลับมาถึง จ.นครปฐม ประมาณ 20.30 น. จากนั้นจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน รอการเดินทางใหม่ในทริปหน้า แล้วพบกันใหม่นะครับ ทีมงาน annaontour.com เรื่องเล่าการเดินทางจาก Mr.anna ขาลุย |