anna (Administrator) |
|
เป็นสมาชิกเมื่อ : 18/3/2552 |
โพสต์ : 83 |
|
|
15 ตุลาคม 2552 - 12:39:27 น. |
|
|
ทัวร์อุบล โขงเจียม กุ้งเดินขบวน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการแห่เทียนพรรษา แต่หลาย ๆ คนยังไม่ทราบว่าที่ จังหวัดอุบลฯ แห่งนี้ยังสามารถชมบั้งไฟพญานาคได้อีกด้วย และที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมายที่หลาย ๆ คนยังไม่รู้จัก
ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ที่ผาแต้ม การเดินทางของพวกเราในทริปนี้ มาจากการที่พวกเรา แอนนาขาลุย รัตน์จัง และป้อมปี่ ต้องเดินทางไปส่งต้นกล้า ที่จังหวัดอุบลราชธานีบริเวณช่องเม็ก ก่อนที่พกวเราจะเดินทางเข้าสู่ประเทศลาว แต่เผอิญการเดินทางในครั้งนี้ พวกเราลืมนำเอกพาสปอร์ตรถยนต์ส่วนบุคคลมาด้วย จึงทำให้ที่โปรแกรมที่พวกจะต้องเข้าไปเที่ยวแขวงจำปาสักต้องปรับเปลี่ยนกะทันหัน ต้องมมาเที่ยว ใจจังหวัดอุบลราชธานีแทน โดยทริปนี้ต้นกล้าจึงเป็นไกด์อาสาพาพวกเราเที่ยว จังหวัดอุบลราชธานี บ้านเกิดของต้นกล้าเอง
ทางไปบ้านต้นกล้า พวกเราออกจาก จังหวัดนครปฐม ประมาณ 20.00 น. โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 321 จากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ไปทางสี่แยกอำเภอกำแพงแสน จากนั้นเลี้ยวขวาไปทาง อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 346 จากนั้นมุ่งหน้าต่อไปยัง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี แล้วเลี้ยวขวาไปทาง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 9 กาญจนภิเษก วิ่งไปจนบรรจบเส้นทางหลวงหมายเลข 1 มุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดสระบุรี จากนั้นรถจะขับผ่านจังหวัดสระบุรี มุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดนครราชสีมา โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2 มุ่งหน้าสู่ จังหวัดบุรีรัมย์ โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 226 ผ่านจังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี พวกเรามาถึงก็ประมาณ 07.00 น. พอดี ต้นกล้าแนะนำร้านเด็ดในอำเภอวารินชำราบ ที่ร้านสามชัยกาแฟ เมนูแนะนำเป็น ก๋วยเตี๋ยวญวน เกาเหลาเลือดหมู ในเมื่อเจ้าถิ่นแนะนำมาก็อย่าขัด จัดไปคนละ 1 ชุด
ร้านสามชัยกาแฟ
หน้าร้านสามชัยกาแฟ
ภายในร้านสามชัยกาแฟ
เกาเหลาเลือดหมูร้านสามชัยกาแฟ
ก๋วยเตี๋ยวญวนร้านสามชัยกาแฟ หลังจากอิ่มอร่อยในมื้อนี้ที่ร้านอาหารสามชัยกาแฟแล้ว จึงเตรียมเสบียงไว้ ได้แก่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และน้ำดื่ม กะว่าจะเข้าประเทศลาวประมาณ 1-2 วัน จากนั้นจึงออกเดินทางต่อไปยังช่องเม็ก โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข217 ผ่านอำเภอวิบูลมังสาหาร เข้าสู่อำเภอสิรินธร ระหว่างทางก็แวะเก็บรูปที่พัทยาน้อย หรือทะเลอีสาน เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ของชาว จ.อุบลราชธานี และนักท่องเที่ยวที่ผ่านมา ปัจจุบันได้ถูกตบแต่งด้วยเม็ดทรายละเอียด ให้คล้ายคลึงกับหาดทรายริมทะเลมากที่สุด บริเวณโดยรอบ มีการปลูกต้นปาล์ม แซมกับต้นมะพร้าว และปลูกต้นทานตะวันบริเวณพื้นที่ชายหาด เพื่อให้ทัศนียภาพของพัทยาน้อย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม บริเวณริมหาดมีร้านแพอาหารของผู้ประกอบการเป็นจำนวนมากตั้งอยู่ริมหาด และริมหาดยังมีสถานที่จอดรถไว้บริการนักท่องเที่ยวอย่างสะดวกสบาย จากนั้นก็เข้าตัวเขื่อนสิรินธร เพื่อชมทัศนยภาพภายในเขื่อนสิรินธรอีกครั้ง เขื่อนสิรินธร เป็นเขื่อนหินแกนดินเหนียว สร้างกั้นลำโดมน้อยอันเป็นสาขาของแม่น้ำมูล ตัวเขื่อนสูง 42 เมตร ยาว 940 เมตร อำนวยประโยชน์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและการชลประทาน บริเวณริมทะเลสาบมีสวนสิรินธร ปลูกไม้ดอกไม้ประดับ มีรูปปั้นและน้ำพุสวยงาม มีบริการบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยว
พัทยาน้อย หรือ ทะเลอีสานใต้
เขื่อนสิรินธร
เขื่อนสิรินธร
เขื่อนสิรินธร จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ช่องเม็ก และเตรียมอำลาต้นกล้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ช่องเม็ก แต่เผอิญลืมพาสปอร์ตรถยนต์ส่วนบุคคลไปได้ เลยไม่ได้เข้าประเทสลาว ต้นกล้าต้องจำใจเป็นไกด์อาสาพาไปเที่ยวต่อในจังหวัดอุบลแทน นายต้นแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวหลายที่ด้วยกัน เช่น สามพันโบก แม่น้ำมูล แม่น้ำสองสี แม่น้ำโขง ผาแต้ม รอชมบั้งไฟพญานาค น้ำตกสร้อยสวรรค์ น้ำตกแสงจันทร์ หรือน้ำตกลงรู ในอำเภอโขงเจียม
ด่านพรมแดนช่องเม็ก
ด่านพรมแดนช่องเม็ก
ลานจอดรถบริเวณช่องเม็ก
อาคารด่านพรมแดนช่องเม็ก
อาคารด่านพรมแดนช่องเม็ก
ทางเข้าด่านพรมแดนช่องเม็ก พวกเรากว่าจะเริ่มตั้งขบวนได้ก็เที่ยงกว่าแล้ว หันรถกลับไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 217 ไปประมาณซัก 40 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาไปทาง อำเภอโขงเจียม โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2173 จากนั้นจะต้องข้ามสะพานผ่านแม่น้ำมูล ไปประมาณ 500 เมตร ให้เลี้ยวขวาเข้าไปในซอยวิ่งไปสุดจะเป็นสถานที่ชมแม่น้ำสองสีบริเวณเรียบชายฝั่งแม่น้ำโขง แม่น้ำสองสี ซึ่งอยู่ในเขตบ้านเวินบึก นั่งเรือจากตัวอำเภอโขงเจียมไปประมาณ 5 นาที เป็นบริเวณที่แม่น้ำมูลไหลลงสู่แม่น้ำโขงเกิดเป็นสีของแม่น้ำที่ต่างกันจึงเรียกกันอย่างคล้องจองว่าโขงสีปูน มูลสีคราม จุดที่สามารถมองเห็นแม่น้ำสองสีได้อย่างชัดเจน คือ บริเวณลาดริมตลิ่งหน้าวัดโขงเจียม และบริเวณบางส่วนของหมู่บ้านห้วยหมาก ในเดือนเมษายนจะเป็นเดือนที่เห็นความแตกต่างของสีน้ำได้ชัดเจนที่สุด จากนั้นพวกเราจึงแวะทานกาแฟเย็นที่ร้านริมโขง ซึ่งติดกับริมแม่น้ำโขง จุดนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยแห่งหนึ่งของอำเภอโขงเจียม และจากจุดนี้สามารถทอดสายตาเห็นแม่น้ำสองสีได้อย่างชัดเจน
แม่น้ำมูล
แม่น้ำมูล
ปากแม่น้ำมูล หรือบริเวณเกิดแม่น้ำสองสี
หมู่บ้านในฝั่งลาว
แม่น้ำโขง พวกเราออกเดินทางต่อไปยังน้ำตกสร้อยสวรรค์ แต่ทว่าต้นกล้าขอลงที่บ้านของป้าซึ่งอยู่ระหว่างทางไปน้ำตกสร้องสวรรค์ บ้านของป้าต้นกล้ากำลังจัดทำเป็นรีสอร์ท เพราะบริเวณนั้นมีปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคทุกปี และวันที่พวกเราไปถึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งมาขอเช่าพื้นที่กางเต๊นท์รอชมบั้งไฟพญานาค ในวันถัดไปประมาณ 10 หลังแล้ว และป้าต้นกล้ายังชวนให้พวกเราพักชมบั้งไฟพญานาคด้วย เพราะตั้งแต่พรุ่งนี้ไปคนจะมาพักกันเยอะจนไม่มีสถานที่กางเต๊นท์แน่นอน พวกเราอยากจะพักแต่ไม่สามารถพักได้เนื่องจากมีภาระกิจที่ต้องเดินทางต่อ จึงขอตัวอำลาคุณป้าของต้นกล้า และโบกมืออำลาต้นกล้าไปก่อน แล้วไปเจอกันใหม่ที่จังหวัดนครปฐม
ทางไปอำเภอโขงเจียม พวกเราออกเดินทางมุ่งหน้าไปต่อไปยังน้ำตกสร้อยสวรรค์ โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2173 ไปประมาณ 40 กิโลเมตร จะพบแยกขวา ไปทางน้ำตกสร้อยสวรรค์ และน้ำตกแสงจันทร์ หรือน้ำตกลงรู โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2112 ขับไปประมาณ 10 กิโลเมตร จะพบทางแยกเข้าไปทางน้ำตกสร้อยสวรรค์ อีกประมาณ 5 กิโลเมตร ก็จะถึงตัวน้ำตกสร้อยสวรรค์ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลจากหน้าผาสูงชันสองด้าน ซึ่งเกิดจากลำห้วยสร้อยและลำแซไผ่ ตกลงมาบรรจบกันคล้ายสายสร้อย ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำโขง สูงประมาณ 20 เมตร มีน้ำไหลตลอดปี เป็นน้ำตกที่มีคนนิยมไปเที่ยวกันมาก นอกจากนี้ บริเวณน้ำตกยังมีต้นไม้และดอกไม้ป่า ช่วยเสริมบรรยากาศความงามของน้ำตกแห่งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทิวทัศน์แม่น้ำโขง ผืนป่าและหน้าผาหินฝั่งลาวได้อย่างชัดเจน ฤดูที่น่าเที่ยวควรจะเป็นหลังฤดูฝนใหม่ๆ เพราะจะมีน้ำมาก น้ำตกสร้อยสวรรค์เป็นน้ำตกขนาดใหญ่อยู่ใน อุทยานแห่งชาติผาแต้ม น้ำตกมีสองสายไหลมาบรรจบกัน มองดูคล้ายสายสร้อย หากไปเที่ยวในช่วงปลายฝนต้นหนาว จะได้ชมดอกไม้ที่ขึ้นอยู่ตามพลาญหินผลิดอกเบ่งบานอวดความงามหลากหลายสีสัน
จุดชมวิวน้ำตกสร้อยสวรรค์
หน้าผา
วิวจากมุมสูง
น้ำตกสร้อยสวรรค์
น้ำตกสร้อยสวรรค์ พวกเราชมความงามประมาณซักครึ่งชั่วโมง ก็ต้องออกเดินทางต่อเพราะอากาศเริ่มมืดทั้งที่เวลาเพิ่งจะ 15.30 น. พวกเราไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 2112 ต่อ ขับประอีกประมาณ 20 กิโลเมตร เลี้ยวขวาตามทางแยกไปทางน้ำตกสร้อยสวรรค์อีกประมาณ 10 กิโลเมตร ก็จะพบน้ำตกแสงจันทร์หรือ น้ำตกลงรู ซึ่งเรียกตามลักษณะของสายน้ำที่ตกผ่านรูหิน ส่วนที่มาของชื่อแสงจันทร์นั้น เรียกตามสายธารน้ำตก ที่โปรยละอองผ่านช่องหินลงมาเป็นสีขาวนวลคล้ายแสงจันทร์ โดยเฉพาะในวันเพ็ญเวลาเที่ยงคืน แสงจันทร์จะสาดส่องลงมาตรงรูหินพอดี พร้อมกับละอองของธานน้ำตกที่โปรยดูเป็นประกายสีนวลสวยงามมาก ซึ่งทั้งหมดนี้คือ ที่มาของชื่อและเสน่ห์ของน้ำตกแห่งนี้ที่ยังคงเก็บความสวยงาม สอดประสานอย่างกลมกลืนของธรรมชาติไว้ให้เป็นที่ประทับใจ หมายเหตุ รูหิน เกิดจากการถูกน้ำกัดเซาะ เนื่องจากหินทรายทนต่อการถูกกัดกร่อนน้อย กำเนิดของน้ำตกแสงจันทร์ จึงเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ลงตัวของ หินทรายและสายน้ำ พวกเราไปถึงท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้ม พวกเราเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มสุดท้ายที่เหลืออยู่ และมีเจ้าของร้านค้าที่อยู่บริเวณน้ำตกแสงจันทร์ยังอยู่เป็นเพื่อนพวกเรา พวกเราชมความงดงามและความอลังการของน้ำตกซักพักใหญ่ อยากจะเล่นก็ไม่มีเวลา เพราะฟ้าเริ่มมืดแล้ว เรายังมีโปรแกรมต่อไปชมกุ้งเดินขบวนที่อำเภอบุณฑริก
น้ำตกแสงจันทร์ หรือ น้ำตกลงรู
น้ำตกแสงจันทร์ หรือ น้ำตกลงรู
น้ำตกแสงจันทร์ หรือ น้ำตกลงรู
รูของน้ำตกแสงจันทร์ พวกเราออกเดินทางจากน้ำตกแสงจันทร์ก็ประมาณ 17.30 น. ฟ้าเริ่มปิด พวกเราเปิดไฟรถแล้วรีบเดินทางต่อเพื่อย้อนไปตามเส้นทางเดิม โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2112 แล้วแล้วเลี้ยวซ้ายกลับทางเดิมอีก ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 2173 แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางช่องเม็ก โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 217 พวกเราไปตั้งต้นที่บริเวณช่องเม็กอีกครั้ง โดยมีจุดมุ่งหมายที่ น้ำตกแก่งลำดวน ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอน้ำยืน ให้ทัน 20.30 น. เราคาดการว่าน่าจะประมาณ 200 กว่ากิโลเมตร จากคำแนะนำของเพื่อนที่เราสอบถาม และคนที่เคยไป เราใช้เส้นทางหมายเลข 2396 โดยเป็นเส้นเชื่อมจาก เส้นทางหลวงหมายเลข 2173 จากช่องเม็ก ไปอำเภอบุณฑริกก่อน เส้นทางตอนแรก ๆ ก็ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไรครับ แต่ประมาณ 40 กว่ากิโลเมตรจะถึงอำเภอบุณฑริก เส้นทางนี้เป็นเหลุมเป็นบ่อลึกเกือบตลอดเส้น ระยะทางประมาณ 40 กว่ากิโลเมตร (ถ้าใครจะอำเภอบุณฑริก เส้นทางหลวงหมายเลข 2396 อย่าไปเส้นนี้นะครับไม่ไหวจริง ๆ แนะนำให้ใช้ทางเส้นทางอื่นดีกว่า) พวกเราเสียเวลากับถนนเส้นนี้มาก พอขับมาถึงสามแยกให้เลี้ยวขวาไปทางอำเภอบุณฑริก โดยใช้เส้นทางหมายเลข 2182 พกวเราขับมาถึงตัวอำเภอบุณฑริก ตอนนี้ความตั้งใจของพวกเราเริ่มถดถอย เพราะต้องเดินทางต่อไปอีกยังอำเภอนาจะหลวย ซึ่งตอนนี้เวลาก็ปาเข้าไปเกือบ 21.00 น. แล้ว เราใช้เส้นทางหมายเลข 2248 มุ่งหน้าต่อไป โดยเส้นทางระหว่าง อำเภอบุณฑริก ถึง อำเภอนาจะหลวย ก็ดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ทำเวลาได้ไม่มาก เพราะเส้นทางมีหลุมเป็นช่วง ๆ จะทำความเร็วก็ไม่ได้กลัวตกหลุม พวกเราเดินทางมาถึงอำเภอนาจรวยประมาณเกือบ 22.00 น. จึงแวะสอบถามร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางว่าทางดีไหม เจ้าของร้านบอกกับพวกเราว่าไม่แนะนำให้ไปเพราะรถที่เราใช้เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลเข้าลำบาก พวกเราตัดสินใจกลับบ้าน พร้อมกับความเหนื่อยล้า และความผิดหวัง เอาไว้คราวหน้าจะมาหาน้องกุ้งเดินขบวนใหม่ในปีหน้าดีกว่า โดยขากลับพวกเราวิ่งไปทางอำเภอเดชอุดม โดยผ่านบ้านโนนสมบูรณ์ จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ จังหวัดนครปฐม เพื่อพักผ่อนเอาแรงเดินทางในทริปหน้าและพร้อมจะเดินทางต่อในครั้งต่อไป
เรื่องเล่าการเดินทาง จาก Mr.anna ขาลุย |
|
|