เที่ยวปากช่อง ปาลิโอ เขาใหญ่ ไร่องุ่น
ว่างเว้นจากการทำงาน ก็อยากจะพักผ่อนบ้าง หยุดใช้สมองบ้าง มองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนส่วนใหญ่นิมยมเดินทางในช่วงนี้ เห็นจะไม่พ้นสถานที่แถบ แถบปากช่อง เขาใหญ่
เพราะกระแสละครทางทีวีก็นิยมไปถ่ายทำในบริเวณวังน้ำเขียวเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้พวกเราทนกระแสไม่ไหวก็เลยต้องไปเขาใหญ่ด้วยเช่นกัน ทั้ง ๆ ที่เคยไปมาแล้วก็ตาม ก็ยังอยากไปอีกอยู่ดี เพราะความสวยงาม บรรยากาศ ธรรมชาติของที่นั่นยังคงประทับใจไม่เคยลืมเลือน ดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน และทำไมจึงดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก ทริปนี้เป็นทริปสั้น ๆ ใช้เวลาเดินทางแค่ 2 วัน 1 คืน กะว่าไปเรื่อย ๆ ตามทาง ไม่รีบร้อน โดยมีผม anna ขาลุย กับแก้มป่อง เดินทางกันแค่สองคน ส่วนป้อมปี่ กับยูมิโกะ ติดภาระกิจต้องเดินทางไปประเทศเกาหลี พวกเราออกเดินทางจาก จากจังหวัดนครปฐม ตอนประมาณตีห้า โดยใช้เส้นทางสายใหม่ เลี้ยวไปทางเส้นวงแหวนตะวันตก ต่อเนื่องด้วยเส้นพหลโยธิน ทางหลวงหมายเลข 1 ที่ จ.
พระนครศรีอยุธยา ทะลุไปยังถนนสายมิตรภาพ ทางหลวงหมายเลข 2 จ.
สระบุรี ก็มองหา
ร้านข้าวแกงบ้านสวนก่อน เพราะที่นี่เป็นจุดพักรถ และรับประทานอาหาร ที่นักเดินทางที่ใช้เส้นทางนี้บ่อย ๆ จะแวะมาเป็นจำนวนมาก เพราะที่จอดรถกว้างขวาง อาหารไม่แพง มีให้เลือกมากมาย ที่สำคัญสะอาด และมีห้องน้ำบริการ ติดถนนเส้นพลโยธิน (ขาออก) บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 76 (เข้าทางคู่ขนาน) พวกเราแวะทานข้าวก่อนที่จะเดินทางต่อ
หลังจากอิ่มอร่อยจาก
ข้าวแกงบ้านสวน ผมและแก้มป่องจึงออกเดินทางต่อ โดยกะเอาไว้ว่าจะไปแวะไร่องุ่นก่อนที่จะเดินทางเข้าไปปากช่อง เราจึงมุ่งหน้าไปตามถนนก่อนจะถึงโรงพยาบาลมวกเหล็ก จะเป็นทางลงเขาจะมีแยกซ้าย มีป้ายบอกว่าไปน้ำตกเจ็ดสาวน้อย (ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 50 กว่า ๆ) ให้เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบไฟแดง จะต้องข้ามทางรถไฟ และจะพบสี่แยกไฟแดง ให้เลี้ยวซ้าย ไป
ไร่องุ่นคุณมาลี ขับมาประมาณ 3 กิโลเมตร ก็จะพบทางเข้า
ไร่องุ่นคุณมาลีอยู่ทางด้านขวามือ ผมกับแก้มป่อง ยืนเก็บภาพและบรรยากาศรอบ ๆ ไร่องุ่นท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย ก่อนที่จะเข้าไปชิมน้ำองุ่น ไวน์ และขนม รวมถึงกาแฟสด ที่
ไร่องุ่นของคุณมาลี พวกเราจิบกาแฟร้อน ๆ สลับกับชมบรรยากาศ ท่ามกลางทำนองเพลงเพราะ ๆ จนนั่งเคลิ้มจนลืมไปว่าต้องเดินทางต่อ จากนั้นจึงซื้อของฝากเป็นผลองุ่นสด กับน้ำองุ่นก่อนออกเดินทางในช่วงบ่าย เพื่อมุ่งหน้าสู่
ปาลิโอ
พวกเราขับรถออกจากไร่องุ่นคุณมาลี ไปตามเส้นทางสายมิตรภาพ ก่อนจะเข้าโคราชจะมีแยกซ้ายเขียนไว้ว่า อ.ปากช่อง ให้เลี้ยวซ้ายวนข้ามสะพานลอย มุ่งหน้าไปประมาณ 15 กิโลเมตร ก่อนจะเข้าไป
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จะพบกับ
ปาลิโอ อยู่ทางด้านซ้ายมือ
ปาลิโอเขาใหญ่ ถูกสรรสร้างมาให้เหมือนกับถนนคนเดิน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้จับจ่ายใช้สอย ในอาคารตึกในแบบยุโรปที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม ภายในปาลิโอมีร้านค้ามากมาย อาทิ ร้านขายเสื้อผ้า เครื่องประดับ ร้านหนังสือ ของฝากของจังหวัดโคราช อาหารแถบยุโรป ของที่ระลึกมากมาย ปัจจุบันนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าไปชมความสวยงาม และความแปลกตาของปาลิโอกันอย่างมาก ที่
ปาลิโอแห่งนี้เปิดทุกวันครับ แต่คนจะเยอะเอามาก ๆ ก็ช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึง 20.00 น.
ผู้คนที่มาเที่ยวชมปาลิโอเยอะมาก ส่วนใหญ่จะหมกมุ่นอยู่แต่กับการถ่ายภาพ เหมือนกับเรา ในทุกจุด ทุกซอก ทุกมุม ทุกซอย สามารถถ่ายภาพสวย ๆ แบบดูดีได้หมด ผมจึงไม่สงสัยเลยว่าทำไมผู้คนส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวปากช่อง วังน้ำเขียว
เขาใหญ่ จะต้องแวะมาที่ปาลิโอนี้เกือบทุกคน แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าคนส่วนใหญ่จะเข้ามาซื้อบ้างหรือเปล่า เพราะจากการที่เห็นร้านค้าส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีลูกค้าเข้าไปใช้จ่ายซักเท่าไรนัก นอกจากจะมาถ่ายภาพหน้าร้านมากกว่า แต่ว่าที่ปาลิโอก็กำลังมีโครงการขยายพื้นที่อยู่ ก็น่าจะมีลูกค้าเข้ามาใช้จ่าย และมีเงินหมุนเวียนอยู่ จึงได้ทำการขยายเพิ่มเติมอีก
เหนื่อยครับวันนี้ แต่ก็ยังไม่มืดซักเท่าไรนัก ประมาณ บ่ายสองโมงเห็นจะได้ก็เลยขับรถไปหาที่พัก และสอบถามไปเรื่อยก็ไปสะดุดกับ Let go valley resort ราคาประมาณ 800-1000 บาท ไม่แพงครับ เมื่อเทียบกับที่พักในบริเวณใกล้เคียง และก็ไม่อยู่ไกลจากเขาใหญ่มากนัก พวกเราจึงตัดสินใจใช้บริการที่นี่ครับ
พวกเราเข้าไปพักผ่อนประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ออกมาดูสถานที่น่าสนใจสำหรับคืนนี้ต่อ แต่ส่วนใหญ่บริเวณปากช่อง จะมีแต่รีสอร์ท เต็มไปหมด ทางไหนที่มีทางเข้าก็มีรีสอร์ทอีกเพียบ สังเกตจากป้ายโฆษณาที่ติดตามต้นไม้ ติดตามทาง และตามทางเข้าที่เป็นถนนย่อยเข้าไป จึงไม่แปลกใจเลยว่า นักท่องเที่ยวก็คงเยอะไม่ใช่น้อยเช่นกัน ขับรถไปมาก็เหลือไปเห็นศูน์ฝึกวิชาชีพนวดแผนโบราณ เป็นกระจกใส ๆ ไม่ห่างจากริมถนนมากนัก อยู่ด้านซ้ายมือ (ขาเข้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่) โดยมีรถจอดหน้าศูนย์ฝึกหลายคัน ส่วนด้านในศูนย์ฝึกนวดมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการประมาณ ห้าถึงหกท่าน ภายในห้องนวดซึ่งเป็นห้องรวมขนาดใหญ่สามารถรองรับแขกได้ไม่ต่ำกว่า 10 คน เราสองคนจึงคลายเครียดด้วยการนวดไทยคนละ 2 ชั่วโมง หมอนวดที่นี่ฝีมือดีมากครับ นวดตัวสบายอย่างบอกไม่ถูกครับ สดชื่นขึ้นมาทันที หลังจากที่ได้ใช้บริการ
นวดเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาทานอาหารเย็น เราสองคนเล็งร้านอาหารไว้แล้วครับ เพราะขากลับจากปาลิโอเราเห็นร้านเสต็คเฮ้าส์เขาใหญ่ ดูแล้วน่าเข้าไปสัมผัสบรรยากาศ และน่าจะได้เข้ามาชิมรสชาติอาหารที่ร้านนี้ดูครับ เพราะมาทั้งทีต้องมาให้ถึงเขาใหญ่ ตอนนี้เวลา 18.00 น. อากาศเริ่มเย็น ผมและแก้มป่องเข้าสั่งอาหารประมาณ 5-6 อย่างครับ ราคาอาหารที่นี่ไม่แพงจนเกินไปครับ กะว่าจะนั่งนาน ๆ ซะหน่อย ไม่ไหวครับ ยิ่งดึกยิ่งเย็นเจี๊ยบ พอดีวไม่ได้ติดเสื้อกันหนาวไปด้วย เลยต้องรีบเช็คบิล เพื่อกลับไปพักผ่อนที่ Let go valley resort เก็บแรงเอาไว้เที่ยวต่อในวันพรุ่งนี้ต่อ
ลืมถ่ายภาพมาครับเพราะหิวมาก เลยขออนุญาตใช้ภาพจาก
http://www.panoramio.com
รุ่งเช้าพวกเราตื่นประมาณ 8 โมงเช้าได้ จากนั้นก็เตรียมตัวเดินทางเข้าไปชมอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ต่อครับ จากรีสอร์ทไปไม่ไกล ถึงปากทางเข้า
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ก็ชำระค่าธรรมเนียมก่อนเข้าคนละประมาณ 40 บาท และเสียค่ายานพาหนะสี่ล้อ คันละ 50 บาท จากนั้นขับมาประมาณ 100 เมตร ก็จะพบศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่อยู่ทางด้านขวามือ เราสองคนเข้าสักการะเจ้าพ่อเขาใหญ่ เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนเข้าเที่ยวชม
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แล้ว ก็ขับรถต่อไปยังที่ทำการอุทยานฯ และขอแผนที่การเข้าเที่ยวชม
พวกเรามองดูโบชัวร์สถานที่ท่องเที่ยวภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พร้อมกับคำนวณเวลาแล้ว ก็สรุปได้ว่าคงจะเที่ยวชม
น้ำตกเหวสุวัตแล้วก็คงจะเดินทางกลับ โดยน้ำตกเหวสุวัตเป็นน้ำตกเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ตกลงมาจากหน้าผาสูงประมาณ 20 เมตรเศษ บริเวณด้านล่างของน้ำตกเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ และลึก แต่ในช่วงหน้าฝนน้ำจะไหลแรงมาก ฉะนั้นไม่เหมาะต่อการลงเล่นน้ำ พวกเราเดินทางจากที่ทำการ
อุทยานเขาใหญ่มาประมาณ 10 กิโลเมตรกว่า ๆ ก็ถึง
น้ำตกเหวสุวัต พวกเราเที่ยวชม ถ่ายภาพ ความสวยงาม และสัมผัสความเย็นจากน้ำตก พร้อมกับนักท่องเที่ยวคนอื่นอีกมาก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ เห็นจะได้ ก็เดินทางมายังลานจอดรถ ประมาณ 11 โมง กว่า ๆ ก็เดินทางออกจาก
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ขากลับพวกเราแวะเที่ยว
ฟาร์มโชคชัย เพื่อซื้อของฝากและหม่ำสเต็คที่นี่ เพราะได้ข่าวว่าอร่อยมาก
ฟาร์มโชคชัย ตั้งอยู่บนถนนมิตรภาพ-ปากช่อง กิโลเมตรที่ 159 เป็นฟาร์มโคนมที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย เปิดกิจการการท่องเที่ยวเชิงเกษตรภายในฟาร์มท่านจะได้เรียนรู้นับแต่การผลิตน้ำนมดิบ การเลี้ยงโคนม การรีดนม และกิจกรรมสนุกสนานที่โรงคาวบอย ชมสวนสัตว์เปิด เพลิดเพลินกับการให้อาหารสัตว์และป้อนนมลูกโค นอกจากนี้ยังมีบูติกแคมป์ ร้านอาหาร เต็นท์ติดแอร์ที่เจาะกลุ่มผู้ที่ต้องการพักผ่อนแบบเน้นสร้างสมาธิ กลับสู่วิถีธรรมชาติ
หลังจากที่เข้ามาในสเต็คเฮ้าส์ ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศ และการตกแต่งภายในร้านแบบคาวบอยเลย เข้ากับบรรยากาศจริง ๆ นึกว่าอยู่ในโลกตะวันตกซะแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็นำเมนูอาหารมาให้เลือกสั่ง เราสองสั่งสเต็คมาคนละชุด พร้อมกับอาหารอื่น ๆ บวกกับน้ำองุ่นสด ๆ ทำให้น้ำย่อยทะลักออกมา เพราะเป็นมื้อแรกของเราในวันนี้ อร่อยครับ สมกับที่ตั้งใจไว้ ไม่ผิดหวัง จากนั้นก็แวะซื้อของฝากของ
ฟาร์มโชคชัย
จานั้นก็เดินทางกลับบ้านด้วยความสวัสดิภาพ
เรื่องเล่าการเดินทางจาก anna ขาลุย