เที่ยวสามร้อยยอดมีดีกว่าที่คุณคิด
วันเดียวก็เที่ยวได้ ถ้าไม่ไกลเกินกว่าที่ใจคิด สิ้นสั้น ๆ สบาย ๆ แต่ไม่รู้ว่าจะกลับบ้านมืดกี่ทุ่มกี่ยามก็ไม่รู้ เพราะกะว่าจะเลยไปแถวประจวบแบบไม่มีแบบแผน มองหาทะเลสงบ ๆ คนไม่พลุกพล่านแบบว่าเหมือนหาดส่วนตัว ๆ ที่เงียบ ๆ ซักที่ก็ดีแฮะ ทริปนี้ผมมุ่งหน้ามุ่งสู จ.ประจวบ โดยเริ่มต้นจาก จ.นครปฐม ออกเดินทางประมาณ 8 โมงเช้า จาก จ.นครปฐม โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 หรือที่เรียกว่าถนนเส้นเพชรเกษม ขับรถดิ่งลงใต้ทันที ผ่าน จ.ราชบุรี จ.เพชรบุรี จากนั้นก็เริ่มมองหาป้ายสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เอาแบบว่าไม่ต้องไกลมากก็ดี เราขับรถผ่านหัวหิน เพราะคนเยอะพอสมควร ผ่าน อ.ปรานบุรี พอเข้าเขต อ.สามร้อยยอด ก็เห็นป้ายอุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด ก็สะดุดตาคิดว่ายังไง ๆ ก็มีที่เที่ยวเยอะอยู่แล้ว หวังว่านักท่องเที่ยวคงไม่เยอะมาจนเกินไป จากนั้นจึงตัดสินใจเลี้ยวซ้ายไปตามทาง ชมวิวธรรมชาติสองข้าง ๆ ไปเรื่อย มองป้ายสถานที่ท่องเที่ยวไปตามทาง บนเส้นทางชนบทป.ช.4020 แต่ที่สังเกตเห็นจะมีป้ายร้านอาหาร และรีสอร์ท เยอะกว่าป้ายสถานที่ท่องเที่ยวซะอีก
 


บมาตามทางก็ไปสะดุดตาที่ป้ายสถานที่ท่องเที่ยวหาดนมสาว หรือว่าหาดสามร้อยยอด เลี้ยวซ้ายขับเข้ามาประมาณ 500 เมตร ก็ถึงริมหาดสามร้อยยอดแล้ว ชาวยหาดสามร้อยยอดเป็นทะเลฝั่งอ่าวไทยที่สวยงาม น้ำทะเลใส แต่คนเที่ยวน้อยมาก ร้านอาหา รีสอร์ทก็ถือว่าพอสมควรสำหรับการรองรับนักท่องเที่ยวได้มาก อยู่ช่วงทางเข้าหาดสามร้อยยอด ริมทะเลเงียบสงบลมเย็น มองเห็นวิวภูเขากลางทะเลได้อย่างงดงาม พวกเราเดินรับลม ชมวิวทะเล ฟังเสียงคลื่นกระทบชายฝั่ง ซักพักใหญ่
 





หลังจากอิ่มกับบรรยากาศกับความรู้สึกความงดงามทะเลฝั่งอ่าวไทยแล้ว แต่ท้องยังไม่ได้สัมผัสกับอาหารอะไรเลย ก็อยากจะได้สัมผัสกับรสชาติอาหารทะเลสด ๆ บ้าง จะได้ครบรสชาติในการเดินทางมายังทะเลฝั่งอ่าวไทย จึงขับรถหาร้านอาหารบรรยากาศดี ๆ ซักร้านหนึ่ง ก็ไปสะดุดตามที่ร้านอาหารสุภัชชาซีฟู๊ด เป็นร้านอาหารไม่ใหญ่มาก ห่างจากริมทะเลประมาณ 300 เมตร ภายในร้านเย็นสบายมีที่นั่งสบาย ๆ ก็เลยแวะเข้าไปใช้บริการ สั่งแกงเขียวหวานทะเล ไข่ทอดทะเล ยำวุ้นเส้นทะเล เอาแบบว่าอยู่กับทะเลให้เอียนไปเลย
 





อิ่มอร่อยกับกุ้ง หอย ปู ปลา ทะเลที่ร้านอาหารสุภัชชาซีฟู๊ดแล้วก็เริ่มเดินทางต่อในช่วงบ่ายโมงกว่า ๆ ก็มุ่งหน้าไปทางอุทยานแห่งชาติสามร้อยยอดต่อ ก่อนทางเข้าอุทยานก็ต้องเสียค่าบัตรเข้าคนละ 40 บาท และค่ารถยนต์สี่ล้ออีก 30 บาท จากนั้นไปตามทางตามป้ายถ้ำพระยานคร จากด่านเก็บค่าเข้าอุทยานแห่งชาติสามร้อยยอดยอด ขับมาไม่ไกลก็จะพบสี่แยก หากตรงไปก็จะมุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด เลี้ยวขวามไปวัดหุบตาโคตร พวกเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าสู่ถ้ำพระยานคร แต่ขับไปได้ประมาณ 1 กิโลเมตร พวกเราก็สะดุดตากับป้ายถ้ำแก้ว จึงตัดสินใจเลี้ยวซ้ายไปตามป้ายอีกไม่เกิน 2 กิโลเมตร ระหว่างการเดินทางไปถ้ำแก้วพวกเราก็สัมผัสได้กับความร่วมเย็น และร่มรื่นของธรรมชาติ คนที่เดินทางผ่านก็จะได้เห็นการเลี้ยงสัตว์ทะเลของชาวบ้าน และในบริเวณนี้มีวิวของเทือกเขาหินปูนที่สวยงามสลับซับซ้อนเต็มไปหมด เมื่อถึงบริเวณลานจอดรถยนต์ก่อนทางขึ้นถ้ำแก้ว จะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำในการเข้าไปชมถ้ำแก้ว แต่ว่าใครจะเข้าไปนั้นต้องเน้นว่าใส่รองเท้าผ้าใบดีกว่า เพราะว่าทางจะเป็นหินขรุขระและแหลมคม แต่ก่อนเข้าไปต้องเช่าไฟฉายกับเจ้าหน้าที่อุทยาน ดวงละ 50 บาท เพื่อนำทางเข้าไปเพราะภายในถ้ำแก้วมืดมาก จากนั้นก็ลงชื่อเข้าถ้ำซะด้วยว่ามีคนไปกี่คน เผื่อมีอะไรหรือกลับมาไม่ครบเจ้าหน้าที่จะได้เข้าไปตามในถ้ำแก้วอีกที จากลานจอดรถยนต์เดินเท้าขึ้นเขาไปก็เหนื่อยเอาการ เป็นระยะทาง 128 เมตร จึงถึงปากทางเข้าถ้ำแก้วจะเป็นบันไดลิงให้ลงไปควรระมัดระวังให้ดี และการเดินทางเข้าไปจะมีข้อห้ามต่าง ๆ ก่อนเดินชมภายในถ้ำแก้วควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด แต่ที่สำคัญให้เดินทางตามป้ายลูกศรบอกทางเท่านั้น อย่าเดินออกนอกลูกศรไม่งั้นอาจเกิดอุบัติเหตุได้ ภายในถ้ำแก้วมีหินงอกหินย้อยสวยงามมาก แต่ที่สวยที่สุดประดุจเหมือนเพชรระยิบระยับก็ต้องทำให้พวกเราต้องหยุดถ่ายภาพ และชมยืนชมความสวยงามอยู่พักใหญ่ก็เห็นจะเป็นแร่ซิลิกาที่ทำให้ถ้ำนี้ดูสวยงามยิ่งขึ้นทันที ภายในถ้ำแก้วอากาศจะร้อนอบ และในระหว่างการเดินทางต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากเพราะภายในถ้ำแก้วจะเป็นโพรงซอกหินขนาดใหญ่ หรือหลุมขนาดใหญ่ ไม่ควรนำของมีค่าติดตัวไปด้วยหากหล่นไปอาจจะเก็บคืนไม่ได้เพราะภายในถ้ำมีหลุม และโพรงลึกบางจุด พวกเราใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงก็เดินทางออกจากถ้ำแก้ว โดยปากทางออกถ้ำแก้วจะอยู่คนละทางกับทางเข้า หลังจากออกมาแล้วก็นำไฟฉายไปคืนเจ้าที่อุทยาน
 





หาดบางปู เพื่อที่จะไปขึ้นเรือข้ามไปยังถ้ำพระยานคร แต่คนแถวนั้นบอกไม่ทันแล้วเพราะต้องใช้เวลาในการเดินทางและเที่ยวชมประมาณไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง ภาระกิจครั้งนี้เราชะงักไปนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่หมดหวังเมื่ออาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้า พวกเราจึงขอเก็บบรรยากาศหาดบางปูก่อนเพราะที่นี่ก็มีความสวยงามไม่ใช่น้อย ร้านค้าและคนแถวนั้นบอกว่าไปแหลมศาลาก็ได้ เพราะที่นี่สวยให้เราเดินข้ามเขาลูกที่ติดกับหาดบางปูไปประมาณ 10 นาที ก็ถึงแล้ว
 



พวกเราก็ยังเดินทางต่อไปยังแหลมศาลา โดยเดินทางตามทางที่มีอยู่ไปตามไหล่เขา ระหว่างการเดินทางก็จะได้เห็นวิวมุมสูงของหาดบางปู แหลมศาลา และวิวสวย ๆ ของทะเลสามร้อยยอด เราใช้เวลา 10 นาทีก็เดินทางมาถึงแหลมศาลาแล้ว แหลมศาลาเป็นชายหาดฝั่งอ่าวไทยที่มีความสวยงามอีกแห่งหนึ่ง เพราะชายหาดขาวสะอาด มีเปลือกหอยเล็กน้อย ที่นี่เงียบสงบมาก และยังเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยาน และมีบ้านพัก เต๊นท์ ร้านอาหารบริการนักท่องเที่ยว และยังมีเส้นทางสามารถเดินทางไปยังถ้ำพระยานครได้อีกด้วย พวกเราเดินลัดเลาะชายหาดสัมผัสกับความเย็นสบายของสายลม และเก็บภาพวิวสวย ๆ จนอิ่มตาม อิ่มใจ ก็เดินทางกลับมายังที่รถยนต์
 







ทริปนี้อิ่มอร่อยและยังได้ออกกำลังกายจนเหงื่อพลักไปทั้งตัว ก่อนออกจากหาดบางปูก็แวะอาบน้ำซักรอบก่อนเพราะที่นี่มีร้านอาหารมากมาย ร้านของฝาก ของที่ระลึก และห้องน้ำบริการนักท่องเที่ยวมากมาย

ระหว่างการเดินทางกลับพวกเราต้องใช้เส้นทางเดิม ขับผ่านวัดบางปู หมู่บ้านบางปู และผ่านคลองบางปู แต่เมื่อได้ผ่านคลองบางปูไปนิดเดียวพวกเราก็ต้องรีบหาที่จอดรถเพราะภาพเบื้องหน้าสวยมาก พระอาทิตย์กำลังจะลับของฟ้า แสงพระอาทิตย์กำลังจะหมดแสงในวันนี้ทำให้เห็นภาพวิวสวย ๆ ของหมู่บ้านบางปูฉากหลังของหมู่บ้านบางปูเป็นทิวเขาหินปูนล้อมรอบ เรือประมงที่ออกไปหาปลาจอดเทียบท่าในคลองบางปูตามชาญบ้านเรียงรายสวยงาม ในคลองบางปูก็ยังเป็นแหล่งเลี้ยงสัตว์ทะเลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กุ้ง หอย ปู ปลา ซึ่งวิถีชีวิตแบบนี้ เราไม่ค่อยได้แวะมาเห็นซักเท่าไรนัก แต่ถ้าใครอยากชมวิถีชีวิตของคนหมู่บ้านบางปูก็สามารถนอนค้างคืนได้ เพราะที่หมู่บ้านบางปูมีโฮมสเตย์ติดริมคลองบางปู และมีร้านอาหารของชาวบ้านบริการ หรือจะเป็นการเช่าเรือให้ชาวประมงพาไปตกหมึก หรือให้เรือนำเที่ยวในวันรุ่งขึ้นก็ได้อีกเช่นกัน
 




พวกเราชมความสวยงามของบ้านบางปูแล้ว ก็ต้องรีบไปต่อ เพราะถือว่าพวกเรายังมาไม่ถึงอุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด แสงอาทิตย์รำไรเต็มที พวกเราขับมาถึงสี่แยกที่เลี้ยวซ้ายเข้ามา ก็ขับผ่านสี่แยกตรงไปวัดหุบตาโคตรต่อ ซึ่งอยู่ห่างจากถนนแค่ 2 กิโลเมตรเอง ที่มีรูปปั้นของเกจิดัง 2 ท่าน ตั้งตะหง่านอยู่ ได้แก่ พุทธาจารย์โต และหลวงปู่ทวด องค์ใหญ่ที่ตั้งอยู่บนฐานสูง ด้านหลังเป็นวิวของเทือกเขาหินปูนสูงเป็นฉากหลัง ทำให้ดูแล้วเกิดความศรัทธาและอดที่จะถ่ายภาพไว้ไม่ได้ พวกเราสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดหุบตาโคตรก็ออกเดินทางต่อ




จากสี่แยกเดิมนี่แหละเลี้ยวซ้ายขับตรงไปอย่างเดียวไปถึงอุทยานเลยประมาณ 10 กว่าโลมั๊ง ถ้าจำไม่ผิด ไปถึงอุทยานก็หมดแสงพระอาทิตย์พอดี เห็นฝูงค่างแว่น เต็มไปหมด กำลังหาที่นอนบนต้นไม้บนหลังคาภายในที่ทำการอุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด นักท่องเที่ยวก็ไม่มีแล้ว มีแต่เจ้าหน้าที่อุทยานที่กำลังทำความสะอาดเก็บกวาดขยะภายในที่ทำการอุทยาน พวกเราถ่ายภาพเสร็จก็รีบออกเดินทางกลับทันที


ทริปนี้จบการเดินทางที่ทำการอุทยานแห่งชาติสามร้อยยอดเกือบตอน 1 ทุ่ม โดยประมาณ พวกเราจึงเดินทางกลับ และคิดว่าถ้าจะมาเที่ยวที่สามร้อยยอดแล้วละก็ต้องมาซักสองถึงสามวันจะดีกว่า เพราะอุทยานแห่งชาติสามร้อยยอดมีที่เที่ยวเยอะมาก เที่ยววันเดียวไม่หมดแน่ และแต่ละที่สวย ๆ ทั้งนั้น ควรใช้เวลาในการสัมผัสกับธรรมชาติให้เต็มที่ดีกว่า ทริปนี้จึงขอลากกลับบ้านก่อนเอาไว้เจอกันทริปหน้ากับ อันแน่ออนทัวร์