วังเวียง เมืองในสายหมอก อ้อมกอดของขุนเขาและท้องนา (อย่าลืมเอาพาสปอร์ตมาด้วยนะ)
ทริปนี้อันแน่ออนทัวร์ เดินทางไปคนเดียว เลยอยากจะแนะนำพื่อน ๆ ที่อยากเดินทางคนเดียวแบบชิว ๆ ไม่ต้องกลัวอะไรไปแบบผม เป็นข้อมูลในการเดินทางท่องเที่ยวเมืองวังเวียงในประเทศลาว ซึ่งอันแน่ออนทัวร์เข้าออกอยู่บ่อยครั้งคิดว่าไม่ยากสำหรับการเดินทาง และที่นี่ก็สวยน่าอยู่ อากาศดีตลอดปี พืชผักผลไม้ปลอดสารพิษ เนื้อสัตว์ก็ไม่มีสารพิษ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ป่า ปลาในแม่น้ำหากินได้ไม่ยาก ส่วนการเดินทางก็ง่าย ถ้าใครได้ไปบ่อย ๆ เหมือนผม จะขับรถเข้าไป หรือจะนั่งรถเมล์เข้าไปรับรองไปได้ คุณจะชอบการเดินทางแบบผม
ทริปนี้ผมเดินทางโดยรถเมล์ โดยขอเริ่มต้นที่สถานีขนส่งหมอชิต ผมจองตั๋วเดินทางจาก บริษัทชาญทัวร์ กรุงเทพ - หนองคาย VIP รอบ 21.45 น. แต่รถจะออกจริง ประมาณ 22.10 น. ในราคาที่นั่งละ 620 บาท เครื่องอำนวยความสะดวกภายในที่นั่งก็ดี มีที่ชาร์ตแบต ดูทีวี ฟังเพลง เบาะปรับเอนนอนได้เต็มที่ รถออกซักพักก็มีพนักงานต้อนรับชาญทัวร์ พูดอเคอะ แจกขนม น้ำ ให้สำหรับแก้หิวได้ช่วงดึก ผมหลับยาว แบบหลับ ๆ ตื่น ๆ จนมาถึงสถานีหนองคาย ตอน 06.00 น.
ลงรถปั๊บ จะมีแท็กซี่ รถกระป๋อง มารอเรียกลูกค้า ได้ใครอยากไปถูก ให้ไปแบบรวม ๆ กันไป ถามราคาเขาก่อนได้ ประมาณ 20-40 บาท แต่ถ้าเป็นแท็กซี่จะอยู่ที่ 80 บาท ผมไม่รีบ เดินเข้าตลาดเช้าหนองคาย ซึ่งติดกับสถานีขนส่งหนองคาย เดินเที่ยวซักพัก หาของกินแก้หิว กับกาแฟให้ตาสว่างซักหน่อยค่อยเดินทางต่อ มื้อนี้ผมได้ข้าวจี่ กับข้าวเกรียบอ่อน ซึ่งเป็นอาหารของคนเวียดนาม กินกับกาแฟร้านไม่ติดกับสถานีขนส่งหนองคาย จากนั้นก็เดินทางต่อโดยนั่งรถกระป๋องคนเดียวต่อรองราคาได้ที่ 50 บาท มาส่งหน้าด่านไทย-ลาว
หลังจากรถลง ผมก็ไปกรอกแบบฟอร์มการออกต่างประเทศ ที่สำคัญคำอย่าลืมเล่มพาสปอร์ตมานะครับ ไม่เช่นนั้นแล้วจะไม่ได้ไปถึงวังเวียง (น้ำตาจะไหล) กรอกแบบฟอร์มไม่ยากตามแบบฟอร์มของเขาเด้อ จากนั้นยื่นเจ้าหน้าที่หน้าตู้ตรวจสอบเอกสาร ประทับตราเสร็จ ก็นำเอกสารส่วนที่เหลือกับเล่มพาสปอร์ตไปทำที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งลาวต่อ ติดกับตู้จะมีโต๊ะขายตั๊วรถเมลข้ามสะพานนะคนละ 20 บาท ถ้าใครไม่ซื้อก็ได้เดินสะพานข้ามแม่น้ำโขงไปเองก็แล้วกัน 30 นาทีก็น่าจะถึง
ลงรถเมล์ก็ไปขอแบบฟอร์มหน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองลาว กรอกเสร็จก็ยื่นที่ตู้ให้เจ้าหน้าที่ประทับตรา จากจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารอีกที ก่อนออกจากจุดทำเอกสารฝั่งลาว เขาจะเก็บ 40 บาท (แค่ 9,000 กีบเท่านั้น) ประมาณค่าอะไรหว่ากำลังงง ดูใบเสร็จไปมาเห็นเป็นค่าล่วงเวลานี่เอง (ค่าล่วงเวลาอะไรงงอยู่ในเวลาทำการแท้ ๆ) จ่ายเสร็จก็เดินออกจากด่านตรวจคนเข้าเมืองลาว
จากนั้นสำหรับคนที่ไปลาวจะมีคนลาวมาถามว่ามีรถไปไหม มีรถมารับหรือยัง คุณต้องนิ่งเข้าไว้ แล้วมองหารถกระป๋องที่จอดริมถนนติดกับทางออกนั่นแหละ คนละ 40 บาท แค่นั้น รอคนขึ้นรถเต็มก็ออกได้เลย เอาประมาณไม่เกิน 30 นาทีได้ออกรถแน่ จากนั้นก็ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ก็จะเดินทางถึงตัวเวียงจันทน์ คนที่ไม่เคยเดินทางไปบอกเขาว่าไปลงหน้าตลาดหนองจันนะครับ จะได้เดินไม่ไกล หลังจากลงรถคนจะถูกรถกระป๋องรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างมารุมถามว่าจะไปไหน ไปยัง คุณไม่ต้องขึ้นรถครับ ท่ารถวังเวียงเดินแป๊บเดียวก็ถึง ไม่งั้นคุณคงต้องโดนเรียกเงินไม่ต่ำกว่า 100 บาทแน่นอน แถมต้องเสียเวลาวนไปมาอีก
คุณเดินทางหน้าตลาดหนองจันข้ามถนนฝั่งที่มีรถกระป๋องเยอะ ๆ ฝั่งตรงข้าม หรือจะสังเกตุก็ได้ว่าตรงนี้จะมีตำรวจคอยตรวจรถอยู่จำนวนหลายราย ซึ่งตรงนั้นแหละจะเป็นที่ตั้งของสถาบันบำบัดสติลาว (แต่ผมถามีคนลาวเขาบอกว่าการแพทย์ ต้องเดินไปอ่านป้ายถึงรู้ว่าว่าเป็นศูนย์บำบัดสติ) จากนั้นก็เดินทางไปตามทางจนถึงมุมถนนแล้วเลี้ยวไปทางด้านหลังซึ่งเป็นถนนอีกฝั่งตรงข้ามกับตลาดหนองจัน ก็จะเห็นรถตู้ หรือรถสตาร์แล็บ ถามเขาก็ได้ว่าไปวังเวียงหรือเปล่า รับรองไม่ผิดหวัง (ถ้าใครไม่เคยไปคุณจะถูกเรียกค่ารถที่ 250 บาท ต่อท่าน แต่ถ้าไปบ่อย ๆ รู้ราคาแล้วก็คนละ 200 บาท) คนที่ไปอย่าเสียอารมณ์ต่อการรอนะคร๊าบ เพราะว่ารถไม่เต็มไม่ออกนะ เห็นใจคนขับเขานะ เพราะว่าวันหนึ่งเขาจะวิ่งได้ก็แค่ขามาเวียงจัน กับขากลับวังเวียงเท่านั้น หรือไม่อยากรอนานก็เฉลี่ยเงินให้เขาเต็มที่นั่งไปก็ได้ (แต่ผมคิดว่ารอดีกว่าได้บรรยากาศ คุณจะได้เจอแต่คนไทยขึ้นมาบนรถตู้ส่วนใหญ่ เม้าส์กันมัน)
สวรรค์อยู่แค่เอื้อม คุณต้องนั่งอดทนประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าจะถึงวังเวียง ระหว่างขึ้นรถใครปวดอะไรก็บอกคนขับได้เลย หรือจะแวะซื้อของบอกคนขับได้เลย มันเป็นเรื่องธรรมซาดของรถโดยสารในลาวเด้อ ก่อนขึ้นภูพระปวดท้องให้รีบบอก ขึ้นภูพระไปแล้วมีแต่ป่าต้องวิ่งลงข้างทางอย่างเดียวนะแล้วจะหาว่าอันแน่ออนทัวร์ทำไมไม่เตือนหนอ ภูพระเป็นเขาลูกแรกก่อนไปสู่ลาวทางตอนเหนือ ก่อนขึ้นจะมีศาลศักดิ์สิทธิ์ให้ทำความเคารพเพื่อเป็นสิริมงคลนะครับ รถทุกคันที่ผ่านเขาจะบีบแตร ส่วนผมก็ยกมือไหว้ขอพรให้เดินทางโดยปลอดภัยทุกครั้ง
ระหว่างการเดินทางจะได้เห็นวิถีชาวบ้าน แต่ละหมู่บ้านมากมาย ทั้งที่เจริญแล้ว ไม่เจริญก็มี มีสินค้ามาขายมากมาย หมูป่า นก กระรอก เห็น ผัก ขายเป็นเงินได้ทุกอย่าง ผ่านหมู่บ้านที่ติดกับเขื่อน หรือแม่น้ำ ก็มีปลากปลาย อาทิบ้านท่าเรือ ผมแวะซื้อส้มปลาโดมากินทุกครั้ง อร่อยนะแนะนำให้ลองซิมดูนะ
ก่อนเข้าสูเมืองวังเวียง ท่านก็จะได้เห็นโรงปูนซีมังตั้งอยู่ด้านขวามือ ติดกับเขาที่ถูกระเบิดไปบ้างแล้ว อีกหน่อยคงสวยแน่ถ้าลาวเป็นแบบนี้ (แต่เท่าที่ผมได้ยินมาว่าทางการลาวตอนนี้สั่งระงับการระเบิดเขาบ้างแล้วเพราะกลัวธรรมชาติหมดไป แสดงว่าผู้นำคณะนี้มองกาลไกล ไม่งั้นไม่เหลือแน่)
ระหว่างหมายเลข 13 เหนือก่อนเข้าเมืองวังเวียง เวลาประมาณ 4 โมงเย็น ท่านก็จะได้สัมผัสกับลมเย็น ๆ ภูเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกด้านหน้า มีทุ่งนาตามริมทางเหลืองอร่าม พริ้วไหวไปตามสายลม โอ้แม่เจ้า สวรรค์ดี ๆ นี่เอง ฮุฮุ ผ่านประตูสู่เมืองวังเวียง ด้านซ้ายมือเป็นสนามบินเก่า เป็นลานกว้าง ๆ บางวันมีของขาย แต่เดี๋ยวค่อยมาเที่ยวไปลงในเมืองวังเวียงหาที่พักก่อนเถอะ ไม่อยากไปดูราคาถูก ๆ ยันแพง แล้วแต่กำลัง ถามดู ส่วนใหญ่ 400-500 บาท ก็หรูแล้ว แต่ผมนอนห้อง 200-300 บาท พอขอพัดลมนะเพราะกลางคืนมันหนาวจับใจ
ก่อนอื่นไปเช่าจักรยาน หรือรถเครื่อง ราคารถเครื่องวันละ 230 บาท โดยประมาณ รถจักรยานน่าจะวันละ 50 บาทอัพ จากนั้นก็ขี่หาที่พักได้เลย ได้แล้วก็ออกมาตะแร็ดแต๊ดแต่ในช่วงกลางคืนบ้างก็ดี เดินเล่นถนนในตัวเมืองวังเวียง แวะกินโรตีซัก 1 อัน กินกับเบียร์ลาวแก้หนาวซักกระป๋องแก้หนาว คิคิ เดินชมร้านอาหาร ผับ บาร์ ดูผู้สาวลาว สวย ๆ (สาววังเวียง ขาวสวยน่ารัก อย่าไปหลงหละเดี๋ยวจะไม่ได้กลับมาไทยนะแล้วจะหาว่าผมไม่เตือน) แต่ถ้าง่วงนักก็ไปนอนเถอะเหนื่อยมาทั้งวัน ตอนเช้าจะได้ตื่นไปตลาดเช้าวังเวียง ดูของกินแปลก ๆ ที่ชาวบ้าน แม่ค้านำมาขายดีกว่า และสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย ดูได้ตามโปรแกรมอันแน่ออนทัวร์ ละกัน เอาแบบนอน 2 คืน นะ แบบพอดีดี
วันนี้อากาศดีตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้าไปเลย จากในเมืองวังเวียงขี่รถไปทางสามแยกที่จะไปทางหลวงพระบาง ประมาณไม่เกิน 1 กิโลเมตร ก็จะเห็นตลาดเช้าด้านซ้ายมือ หรือสังเกตก็ได้ว่าก่อนถึงจะเป็นโรงเรียนชั้นปะถม ใช้เวลาเดินชมตลาดก็ประมาณไม่น่าจะน้อยกว่า 45 นาที ตลาดไม่ใหญ่มากแต่จะได้ดูสัตว์ป่า หรือ แมลงต่าง ๆ ผมอาทิให้ฟังเลย ตั้งแต่ เก้ง ภาษาลาวเรียกฟาน เลียงผา ภาษาลาวเรียกเยือง หมูป่า ตุ่น ภาษาลาวเรียกอ้น กบ กิ้งก่ายัก เนื้องูเหลือม กบตัวหญ่าย ๆ จิ้งโก่ง จิ้งหรีด เขียด ปลาสายพันต่าง ๆ มากมาย หากินยากแล้วในเมืองไทย ขนมคนลาว อาหารคนลาว ผักผลไม้ในป่าเพียบ ส่วนใหญ่จะเดินเลือกชมไม่กล้าซื้อหรอก แต่อันแน่ออนทัวร์แนะนำ จะมีร้านส้มหมูอยู่ 1 ร้าน ติดริมกำแพงด้านในไม่ค่อยมาขายบ่อย แต่ถ้าได้กินส้มหมูย่างรับรองจะติดใจ อันละ 5,000 กีบ หรือยี่สิบบาทไทย
ที่มา http://www.annaontour.com/out/loa/taladvangvieng.php
จากนั้นเวลาประมาณ 7 โมงกว่า เข้าไปใส่บาตรข้าวเหนียว จากนั้นก็ไปนั่งจิบกาแฟในเมืองวังเวียงต่อนะ ดูเด็กนักเรียนมากมายปั่นจักรยานไปเรียน เป็นแถว แต่ถ้าเป็นวันหวยออก เราก็จะงงว่านักเรียนเขาซื้อหวยกันได้ด้วยเหรอ หวยลาวถูกกฏหมายครับ ซื้อได้ทุกคนเพราะไม่ได้ไปขอตังใครซื้อครับตังของเขาเองเลยไม่ผิดกฏหมาย ตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ จนถึงเด็กโต
ได้เวลาประมาณ 8 โมงเช้าไปเที่ยวถ้ำจังก่อนก็แล้วกันนะครับ เพราะที่นี่มีสัญลักษณ์เป็นสะพานสีส้ม ทอดยาวผ่านแม่น้ำซอง เห็นทิวเขายาวเป็นแนว ด้านล่างสามารถนั่งเล่น นั่งชมธารน้ำ ทานอาหารได้ ส่วนใครจะขึ้นถ้ำจังก็จะได้เห็นทิวทัศน์ของเมืองวังเวียงด้านล่างสวยงามมาก ภายในถ้ำยังมีหินงอกหินย้อยสวย ๆ อีกมากมาย อย่าลืมขึ้นไปหละ อ้อเสียค่าเข้าขมก่อนไป 40 บาท ก่อนขึ้นถ้ำอีก 40 บาท (ราคานักท่องเที่ยวต่างชาติ)
มาลาวทั้งทีแนะนำให้กิน เฝอ หรือไม่ก็ข้าวเปียกเส้น เดี๋ยวจะมาไม่ถึง สงวนราคาชามละ 60-80 บาท (คนไทยคิดว่าแพง คนลาวเขาก็กินราคาเดียวกับคนไทยเด้อ) ร้านอร่อย ๆ ก็เป็นร้านไหนหว่า เดี๋ยวโทรไปถามเพื่อนที่วังเวียงให้นะ รอก่อน ดูภาพตัวอย่างด้านล่างไปก่อน
ช่วงบ่าย เบื่อถ้ำกันหรือยังหละ ถ้าไม่เบื่อก็ไปถ้ำปูคำ ด้านบนจนะมีปูคำ เป็นปูสีทอง มีไม่กี่ตัว คนลาวเชื่อว่าถ้าใครได้เห็นจะถือว่าโชคดี เพราะส่วนใหญ่น้อยคนจะได้เห็น เพราะภายในถ้ำมืดมาก แถมยังเขาทางลาดชันไม่มีไฟ ต้องใช้ไฟฉายในการเดินทาง ข้างในมีทางอันตรายเดินตามป้ายให้ดี ส่วนปูคำดูตามแอ่งน้ำ ถ้าใครอยากเห็นอันแน่ออนทัวร์ขอบอกครับ ก่อนถึงสุดถ้ำจะมีป้ายเขียนว่า dangerous จะมีหินงอกหินย้อยเรียงเหมือนกำแพงสองข้าม ค่อนข้างเยอะ ด้านขวามือจะเป็นแอ่งน้ำ ตรงนี้แหละมีรูปูคำ ผมเห็นแล้วส่องเข้าไปในรูเห็นปูคำด้วยแหละ ดูในคลิปวีดีโอก็ได้นะ ถ้ำปูคำขี่รถไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร เสียค่าปี้ 40 บาท ขึ้นถ้ำอีก 40 บาท ถามทางเขานะบอกไม่ถูกงงเหมือนกันแต่ก็พอไปถูก
ที่มา http://www.annaontour.com/out/loa/pukham-cave.php
หรือถ้าใครไม่อยากไปถ้ำไปน้ำตกก็ได้ ที่นี่มีตาดแก่งยุ้ย ซึ่งเป็นน้ำตกที่เปิดได้ไม่นาน ก่อนถึงน้ำตกตาดแก่งยุ้ยก็จะเห็นธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ บรรยากาศดี ๆ จนถึงตัวน้ำตกแก่งยุ้ย เมื่อไปถึงน้ำตกตาดแก่งยุ้ยด้านบนน้ำตกมีสายน้ำไหลจากหน้าผาสูง ไม่แรงกมากมีน้ำกระเซ็นเป็นแอ่งน้อย ๆ เล่นน้ำได้สบาย ๆ ด้านล่างมีธารน้ำไหลลงมาหลายชั้น น้ำเย็นเจี๊ยบ เดินขึ้นจากลานจอดรถไม่ไกล ด้านล่างมีร้านอาหาร และเพลิงสำหรับนั่งรับประทานอาหาร รวมถึงกิจกรรมเล่นน้ำได้สบาย เสียค่าเข้า 40 บาท สำหรับชาวต่างชาติ ส่วนการมาไม่ยาก ทางเข้าอยู่ตรงข้ามกับสนามบิน มีป้ายบอกไปตาดแด่งยุ้ยประมาณอีก 7 กิโลเมตร
ที่มา http://www.annaontour.com/out/loa/namtoktadkaengnyui.php
ตอนเย็นจะนอนหรือยัง ถ้ายังไม่นอนไปต่อกับอันแน่ออนทัวร์ก็แล้วกัน แวะไปกินปิ้งแบ้กันเถอะ เนื้อแบ้เป็นเนื้อแพะที่นำมาปรุงอาหาร เมนูของแบ้ก็ได้แก่ ปิ้งแบ้ ยำหำแบ้ แบ้ตุ่น อร่อยครับ ที่ไปกินไม่รูว่าเป็นเนื้ออะไรแต่พอไปกินแล้วติดใจ มีร้านเดียวมั๊งในวังเวียงติดกับสนามบิน ที่นี่มีเบียร์กับคาราโอเกะเปิดด้วยติดกิน กินแบ้เสร็จก็เข้าไปร้องเพลงต่อได้เลยอย่าเมานะ ฮุฮุ จะพาไปเที่ยวเดอะมูนต่อละกัน (อาหารมื้อนี้ผมประมาณที่ไม่เกิน 300 บาท ไม่รวมค่าเบียย์ลาว)
ที่มา http://www.annaontour.com/out/loa/restaurant-pingbaepingped.php
เดอะมูน เป็นเท็กของคนลาว ตอนนี้นะน่าจะมีที่เดียวในวังเวียง เปิดไม่เกินเที่ยงคืน เที่ยวได้แค่เที่ยงคืน ปกติไม่แน่จะจำกัดอายุหรือเปล่า ผมเลยเข้าแค่ครั้งเดียวคิดว่าอายุเกินมั๊ง มีแต่วัยรุ่นเต็มไปหมด สนุกครับถึงอายุจะเกิน 30 แต่หน้าตาผมไม่เกิน 25 ก็เลยกลมกลืนไปกับเขาได้ เที่ยงคืนไปนอนดีกว่า เดี๋ยวพรุงนี้ได้กลับแล้ว
วันกลับมีตัวเลือกให้เลือกกลับครับ นั่งรถตู้แบบเดิมกลับ แล้วขึ้นรถแบบตอนมาไปลงหน้าด้าน กับอีกแบบ ขึ้นรถทัวร์ วังเวียงหนองคาย สบายดีครับ แต่กว่าจะไปถึงหนองคายเกือบ 4 โมงเย็น ทางเลือกที่ 2 ราคาตั๋วอยู่ที่ น่าจะ 360 บาท มั๊ง เคยขึ้นครั้งเดียวหงะ จำบ่อได้ขอโทษที โทรไปถามได้ที่เบอร์นี้ละกัน 023-511632-3, 020-55518941 จากนั้นก็ไปต่อรถชาญทัวร์ที่สถานทีขนส่งหนองคาย มีตั้งแต่รอบ 19.30 น., 20.45 น. แบบ S-Class ราคาเดิม แบบ VIP 20.00 , 21.15 น. รอไปเช้าที่กรุงเทพต่อเด้อ แล้วอย่าลืมเบิ่งวังเวียงกันนะ แล้วจะรู้ว่าสวย สนุก มันดีกว่าที่ผมบอกอีกนะ ลองไปเที่ยวกันนะ จากอันแน่ออนทัวร์
|