เที่ยวเมืองท่าแขกสองวันก็ครบทุกรสชาติแล้ว
เมืองท่าแขกวันวานที่ผมเคยได้มาเยือนแล้วในครั้งก่อน ผมยังรู้สึกหลงไหลกับความเจริญและความเป็นมิตรของคนลาวแท้ ๆ รวมถึงคนลาวเชื้อสายเวียดนาม ที่ได้มาพูดคุยท่องเที่ยวหลายปีก่อน พอมาปีนี้ได้มาเยือนจังหวัดนครพนมอีกครั้ง จึงอยากจะเก็บเกี่ยวเอาความรู้สึกเดิม ๆ ที่เคยได้ลิ้มรสว่าวันนี้จะสุขเหมือนเดิมหรือเปล่า หรืออาจจะดีกว่าเดิมไหม จึงตัดสินใจท่องเที่ยวแบบชั่วคราวแบบว่าทำเอกสารผ่านแดนชั่วคราวที่นครพนมไปก่อน เพราะอย่างน้อยก็อยู่ได้ 3 วัน 2 คืน อาจจะค้างคืนหรือไม่ค้างเดี๋ยวดูอีกที
ทริปนี้เป็นทริปสั้น ๆ ที่ผมแนะนำว่าไม่ยากสำหรับคนที่เที่ยวนครพนม ไปหาที่ฝากรถตามโรงแรมก็ได้ถ้าหากจะข้ามไปเที่ยวหลายวัน หรือไปวันเดียวก็เอารถไปจอดริมโขงบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม จากนั้นก็เริ่มต้นจากการทำเอกสารได้ไม่ยาก มีแค่บัตรประชาชนใบเดียวเขาทำให้เสร็จเลยอะ ไม่เกิน 40 บาท ไม่นานก็เอาเอกสารไปยื่นที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งไทย เสียค่าธรรมเนียมออกไทยคนละ 40 บาท แล้วก็ค่าเรือโดยสารข้ามแม่น้ำโขงคนละ 60 บาท จากนั้นก็นั่งรอเรือออก ส่วนใหญ่ก็เป็นเรือฝั่งลาววิ่งข้ามไปมาทั้งวันจนถึงเวลาประมาณ 5 โมงเย็น เรือรับส่งก็จะหยุดวิ่งแล้ว เรือใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที ก็มาถึงฝั่งประเทศลาว ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน เราเสียค่าปี้ หรือค่าธรรมเนียมอีกคนละ 40 บาท จากนั้นก็ขอแผนที่ท่องเที่ยวอีกครั้งว่ามีอะไรอัพเดทไหม
ผมตัดสินใจจะไปหาเช่ามอเตอร์ในเมืองท่าแขกแต่เวลาที่มาถึงแดดร้อนเอามาก ๆ บวกกับอยากนั่งดูวิวสวย ๆ มากกว่าขี่รถเองเลยต่อลองกับรถสามล้อเที่ยววัดพระธาตุสีโคตะบอง ตลาดเช้าหลักสาม ตลาดแล้งหลักสอง และชมกำแพงหิน ในราคา 600 บาท เหมาน้ำมันทั้งวัน แต่ผมคิดว่ามันก็สูงไปหน่อยนะ ถ้าเดินไปหาเช่าข้างนอกน่าจะได้ประมาณ 500 บาท
ผมไปทีพระธาตุสีโคตะบองก่อนวิ่งเรียบไปตามถนนเรียบแม่น้ำโขงไปทางลาวตอนใต้ไม่ไกลนักก็ถึงวัดพระธาตุสีโคตะบอง ผู้หญิงใส่กางเกงเข้าไม่ได้นะต้องใส่ซิ่น ส่วนผู้ชายใส่กางเกงขายาวเข้าได้ตามปรกติ ตามประวัติเล่าว่าใครขออะไรก็ได้โดยเฉพาะเรื่องของหาย แต่อย่าขอเรื่องความรักนะ เพราะคนลาวเล่าว่าพระยาสีโคตะบองเสียชีวิตเรื่องความรัก หลังจากได้ไหว้พระธาตุสีโคตะบองเสร็จ ก็เข้าไปกราบไหว้พระในพระอุโบสถ ก็เห็นคนลาวขอพระด้วยการลูบฆ้องให้มีเสียงกังวาล เอาประมาณว่าลูบฆ้องกันจนมันวาววับไม่ต้องขัดกันเลย ผมนั่งไหว้พระขอพรจากพระพุทธรูปในวัดพระธาตุสีโคตะบองซักพักจนเย็นกายเย็นใจ ก็ให้สามล้อไปตลาดเช้าหลักสามกันต่อ
ช่วงที่ผมมาถึงมัน 11 โมงกว่าแล้ว ผมบอกได้เลยว่าที่ตลาดหลักสามไม่ค่อยคิกคักเหมือนตอนเช้าที่ผมเคยมาดู เพราะเช้า ๆ ที่นี่จะมีคนทำงาน มีนักเรียน ชาวบ้านเอาของมาวางพื้นซื้อขายเป็นจำนวนมาก รวมถึงสัตว์ป่าก็มีให้เห็นเยอะแยะ ขนมของกินใหม่ ๆ ก็เดินหากินได้ไม่ยากที่ตลาดเช้าหลักสาม นอกจากนี้ยังมีสัตว์ป่า แมลงต่าง ๆ ขนมแปลก ๆ ตอนเช้านี่เยอะจริง ๆ เนื้อสุนัขยังมีสองถึงสามร้านค้าเลย ผมเดินเที่ยวดูความเปลี่ยนแปลงของที่นี่ว่าเปลี่ยนแปลงไหม ก็ไม่เปลี่ยนแปลง ตลาดใหญ่ของขายเยอะเหมือนเดิม ตลาดหลักสามนี้ถ้าใครได้มาเที่ยวก็ควรแวะมาดูวิถีชีวิตคนลาวที่เมืองท่าแขกในช่วงเช้า ๆ กันดีกว่า
ผมนั่งสามล้อต่อไปยังตลาดแล้งหลักสองต่อ มันจะอยู่ไม่ไกลจากวงเวียนในตัวเมืองท่าแขกซักเท่าไรอยู่ตรงแยกที่จะวิ่งไปทางริมโขงได้ ห่างจากวงเวียนไม่เกิน 1 กิโลเมตร ตลาดหลักสองนี้เมื่อคราวที่แล้วผมไม่ได้แวะมา เพราะมันมีช่วงเที่ยงจนถึงเย็น ๆ เข้าไปถึงก็เห็นแม่ค้าโทรศัพท์สวยดั้งโด่ง หน้าเรียวยังกับไม่ใช่คนไทยสะดุดตามาแต่ไกล โอ้แม่ค้าลาวเหรอนี่ไม่น่าเชื่อ ผมเดินตรงไปดูพวกรุ่นป้า รุ่นยาย ดีกว่าเพราะผมต้องคุยกับคนรุ่นนี้มันถึงจะได้รสชาติว่าได้อินในอารมณ์การมาเที่ยวลาวอย่างแท้จริง เดินไปเดินก็ไม่มีอะไรมากของขายทั่วไป แกง กับข้าว หมูทอด ส้มต่าง ๆ ขนม ผัก ผลไม้ เสื้อผ้า ของใช้เบ็ดเตล็ด ร้านทอง แต่ร้านซีดีหน้าตลาดนี่ซิแม่ค้าสวยจริง โอ๊ยอย่าคิดมากไปดีกว่ายังมีกำแพงหินที่ผมตั้งใจมาดูว่าเขาทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวจริงจังหรือยัง จึงให้สามล้อพาแล่นไปในช่วงเวลาบ่ายปลาย ๆ
เราเริ่มนั่งออกจากเมืองท่าแขกใช้เส้นทางหมายเลข 13 ใต้ ขึ้นไปทางเมืองเวียงจัน กำแพงหินจะอยู่ทางด้านซ้ายมือเห็นเป็นกำแพงหินที่สมบูรณ์ก็มี สูงตระหง่าน บางช่วงก็ถูกทำลายไปแล้วในช่วงที่เป็นบ้านเรือน หรือโรงงาน แต่ที่สำคัญใครจะไปเชื่อว่าที่นี่มีเซเว่นอยู่ระหว่างทางไปแล้ว โอ้แม้เจ้าผมไม่อยากจะเชื่อว่าเซเว่นอยู่นอกเมืองไม่ใช่ปั๊มปตท.ด้วย ซึ่งปกติเส้นนี้ก็มีปั๊มปตท.ใหญ่ ห้องน้ำสะอาด แต่ทำไมเซเว่นไปอยู่ในโรงแรมภูช้างเพลสละเนี่ย นี่ก็เป็นสัญญาณเตือนได้ว่าอีกหน่อยลาวจะต้องเปลี่ยนไปแล้วหากใครไม่ได้เข้ามาเที่ยวลาววันนี้วันหน้าก็จะไม่มีความเก่าแก่ที่เป็นมนต์ขลังให้ได้เห็น เพราะชาวจีนกำลังเข้ามาในอาเซียนและเซเว่นกับโรงแรมภูช้างเพลสที่เห็นเป็นคนจีนสร้าง
ผมนั่งชมวิวกำแพงหินโบราณไปจนถึงหลัก 8 ก็จะเห็นป้ายแหล่งท่องเที่ยวกำแพงยัก รถพาลงเข้าไปเป็นทางดินเล็ก ๆ แต่เป็นทางที่มีคนเข้าออกตลอดไม่เกิน 300 เมตรก็ถึงที่จอดรถ และตรงด้านหน้าก็เป็นแนวกำแพงหิน แต่ไม่ได้ต่อกันเพราะบางส่วนถูกทำลายทำเป็นทางเดินไปแล้ว ผมนั่งชมความเก่าแก่ ความอลังการของกำแพงยักอยู่ซักพัก คุยกับคนขี่สามล้อว่าสร้างมายังไงเพราะประวัติศาสตร์ลาวไม่บอกแน่ชัดว่าใครเป็นคนสร้าง เขาก็บอกไม่รู้เหมือนกันรุ่นคนเก่าแก่บอกว่ายักสร้างขึ้น ก็อาจะเป็นไปได้ว่าเมื่อก่อนมนุษย์เราตัวใหญ่จึงสามารถสร้างหินขนาดนี้ขึ้นมาได้ ผมลองเดินไปเทียบกับหินชั้นแรกก็สูงกว่าผมซะอีก ผมว่าสูงเกือบ 180 เซ็นติเมตรแล้วนะ แล้วมีตั้ง 7-8 ชั้นหิน มันก็น่าสงสัยนะว่าจะยกขึ้นไปกันยังไงทั้งสูงทั้งหนักขนาดนั้น ด้านในยังมีที่นั่งสำหรับการมาประชุมของชาวบ้าน แต่ที่นี่แมลงหวี่เยอะมากตอมตาเป็นพวน แล้วหนอนคันก็เยอะ ก็ต้องไปแล้วจบทริปที่กำแพงยัก
ระหว่างกลับก็เข้าห้องไปดูห้องน้ำลาวว่าพัฒนาหรือยังที่ปั๊มน้ำมัน ปรากฏว่าห้องน้ำในปั๊มน้ำมันสะอาดใช้ได้ไม่สกปรก ไม่ต้องเสียค่าเข้าด้วย ก็สรุปได้เลยว่าลาวกำลังพัฒนาแล้ว
แต่ทริปนี้ไม่ได้ค้างในเมืองท่าแขกกะว่าจะกลับเข้าฝั่งไทยในช่วงเย็น เดินเล่นนิดหน่อย ให้เพลิน ๆ แต่เดี๋ยวก่อนที่จริงที่คำม่วนยังมีอีกมากมายที่ผมไปมาแล้วในช่วงหลายปีก่อนที่อยากจะแนะนำที่พักให้ได้ดูแล้วกันว่าในเมืองท่าแขกยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมาก ถ้าอยากจะเที่ยวต่อก็สามารถค้างคืนได้เลยห้องพักก็หาไม่ยากราคาก็ประมาณอยู่ที่คืนละ 500 บาท ลองไปดูตัวอย่างที่พักที่ผมจะแนะนำให้ดู
ส่วนกลางคืนก็แวะเที่ยวถนนแคมโขงมองวิวประเทศไทยข้ามลำน้ำโขงที่นี่ พร้อมกับหาอาหารอร่อย ๆ กิน ดีกว่าได้บรรยากาศดีด้วย เพราะบริเวณนี้นอกจากคนลาว ยังมีคนเวียดนามที่มาขายของรวมถึงมานั่งกินอาหารบรรยากาศแบบเวียดนาม ก็ลองดูโต๊ะที่เขานั่งดิ แบบนี้ที่เวียดนามมีเยอะ
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจก็ยังมีอีกแต่ที่แนะนำก็ ถ้ำปาฝา หรือถ้ำพระ การเดินทางไปต้องวิ่งไปทางเส้นที่จะไปด่านเวีดยนามได้ แต่มีป้ายบอกว่าไปถ้ำพระ ซึ่งระหว่างทางจะเป็นทางลูกรังแนะนำเช่ามอเตอร์ไซค์ไปเช้า ๆ นะเพราะอากาศจะร้อน ถ้าไม่ใช่หน้าน้ำก็สามารถเดินเท้าได้ แต่ถ้ามีน้ำขึ้นก็ต้องเสียค่าพายเรือไปกลับคนละ 1 ดอลล่า ในถ้ำพระมีพระพุทธรูปสวยงามมาก โดยพระพุทธรูปแต่ละองค์มีประวัติจากผู้ดูแลถ้ำเป็นผู้บอก ทุกองค์เก่าแก่มากมาย เรียงรายเหมือนอยู่บนชั้นหินงอกเป็นชั้น ๆ สวยจริง ๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีขโมยเข้าไปเพราะจะมีคนดูแลถ้ำเฝ้าถ้ำไม่ให้คนเข้าออกในช่วงเวลากลางคืน แต่ภายในไม่อนุญาติให้ถ่ายภาพอะ นอกจากนี้แล้วยังมีถ้ำอื่น ๆ อื่นมากมายแต่ขอแนะนำที่นี่เพราะสุดยอดแล้ว
ขากลับก็แวะไปซื้อของฝากที่สี่แยกท่าแขกเพราะมีของขายมากมายไม่ว่าจะเป็น ส้มหมู ส้มปลา ขนมป่าน หม่ำ หนังวัว ข้าวผ่อง ลองซื้อไปฝากคนทางบ้านกินกันดูก็แล้วกัน
พอหอมปากหอมกันแล้วนะกับการมาเที่ยวเมืองท่าแขกวันเดียวแล้วก็ขอสรุปค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ที่เข้ามาเที่ยวเมืองท่าแขกให้ฟังนะ
จากฝั่งทั้งค่าทำเอกสาร 40 บาท ค่าธรรมเนียม 40 บาท ค่าเรือโดยสาร 60 บาท
ค่าธรรมเนียมเข้าลาว 40 บาท
ค่าเช่ารถ 600 บาท (ไปหลายคนก็ช่วยกันแชร์ได้ เหมาแบบ VIP เลย ไม่แวะรับแขกตามรายทาง) ส่วนอยากกินอะไรซื้ออะไรในลาวบวกกันเองก็แล้วกันเน้อ
ขากลับเสียค่าธรรมเนียมออกลาว 40 บาท ค่าเรือโดยสาร 60 บาท
รวม ๆ แล้วทริปเที่ยวเมืองท่าแขกวันเดียวก็ประมาณ 880 บาท
หมดทริปเมืองท่าแขกวันเดียวแล้วคร๊าบจะเที่ยวต่อลองต่อยอดกันเอาเองนะ แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้า
|