ท่องเที่ยวจังหวัดน้องใหม่ให้สะใจ บึ่งไปบึงกาฬ
บึงกาฬเป็นจังหวัดน้องใหม่รายที่ 77 ของประเทศไทย หลายคนอาจไม่รู้จักบึงกาฬ เพราะเมื่อก่อนเป็นแค่อำเภอหนึ่งของจังหวัดหนองคาย แต่หลายคนอาจรู้จักว่าเป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสาน แต่ใครจะรู้เล่าว่าที่บึงกาฬนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เป็นเมืองเล็ก ๆ และเงียบสงบอยู่ริมแม่น้ำโขงน่าอยู่ไม่แพ้ที่ไหน ๆ ใครที่ไม่รู้จักบึงกาฬดีพอ หรืออยากจะรู้จักบึงกาฬมากกว่านี้ก็ลองตามอันแน่ออนทัวร์มาได้เลย เพราะนอกจากจะเที่ยวสนุกแล้วยังจะได้รู้ว่าถนนเส้นไหนน่าเดินทาง ควรเดินทางไปตรงไหนก่อนตรงไหนหลังจะได้ไม่เสียเวลาวกไปวนมา เลยอยากแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่เคยมาหรือเคยมาเป็นครั้งแรกก็จะได้ไม่เสียเวลาแบบผม
การเดินทางในทริปนี้แนะนำว่าคุณต้องออกเดินทางในช่วงเวลากลางคืน โดยมุ่งหน้าสู่จังหวัดหนองคาย ยึดถนนเส้นทางหลวงหมายเลข 2 กะว่าเช้ามืดถึงหนองคาย แล้วลัดเลาะไปทางอำเภอโพนพิสัยเรียบแม่น้ำโขง ก็จะเข้าสู่จังหวัดบึงกาฬ ใครที่มาเส้นนี้ผมบอกได้เลยว่าทุกคนที่ผ่านไปมาก็จะสะดุดตาที่ป้ายวัดอาฮงศิลาวาส เพราะมีหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทางเข้าวัดสวยงามมาก และที่สำคัญบริเวณริมแม่น้ำโขงที่นี่เขาล่ำลือกันว่าลึกสุดของแม่น้ำโขง จึงเรียกได้ว่าสะดือแม่น้ำโขง ที่แก่งอาฮง บริเวณด้านข้างมีศาลเทพธิดาสะดือลำน้ำโขงสำหรับกราบไหว้ขอพอของคนที่อยู่ในบริเวณลำน้ำโขง เราเดินเล่นไปเรื่อย ลัดเลาะบริเวณแก่งอาฮงไปถึงบริเวณวัดอาฮงศิลาวาสก็จะเห็นศาลาไม้ตั้งเรียงรายมากมายเลย เดินไปจนเห็นว่ามีคนนั่งทานอาหารกันหลายโต๊ะจึงรู้ได้ว่าที่นี่ยังมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก รวมถึงมีที่พักด้วยแฮะ ซึ่งตั้งไม่ไกลจากแก่งอาฮงซักเท่าไร แต่แนะนำให้มาช่วงเช้าหรือช่วงเย็นดีกว่า เพราะว่าวิวด้านหลังแม่น้ำโขงโขงที่แก่งอาฮงสวยมาก มีวิวภูเขาสูง ตั้งไล่ระดับจากต่ำไปหาสูง แล้วมีเมฆปกคลุมภูเขาด้านหน้าว้าวสุดยอดอะ แถมวิวริมน้ำโขงในแก่งอาฮงเวลาหน้าน้ำก็ดูดุน่าเกรงขามมีมนเสน่ห์จริง ๆ และที่สำคัญถ้าใครมาช่วงออกพรรษาที่แก่งอาฮงนี่แหละเขาจะแห่มาดูบั้งไฟพญานาคกันที่นี่แหละ
อยากจะเที่ยวให้สะใจมากกว่านี้แนะนำว่าไปหาที่พักก่อนดีกว่า เพราะเมื่อคืนขับรถมาทั้งคืน ไปหาที่พักในตัวบึงกาฬกันก่อนดีกว่า ผมจะแนะนำห้องพักราคาคิดว่าไม่แพงติดริมน้ำโขงที่ผมไปอยู่ในช่วงโปรโมชั่นลดราคาครึ่งหนึ่ง เข้าทางเลยมี แอร์ ทีวี น้ำอุ่น Wifire บริการ เข้าทางคนงบน้อยอย่างผมพอดี เดี๋ยวบ่าย ๆ ค่อยออกมาโลดแล่นใหม่ต่อ อ้อลืมบอกชื่อที่มีชื่อเรียกว่า ละอองภิรมย์ ที่พักบึงกาฬห้องพักสไตล์กิ๊บเก๋ เอาเบอร์มาฝากด้วยนะ ลองโทรไปถามกันเองละกัน 089-1031096, 089-3753425
ผมตื่นขึ้นมาประมาณตอนบ่าย 3 โมงกะว่าจะเดินทางไปภูทอกก่อน และก็เปิดจีพีเอสให้นำทางไปภูทอก วิ่งจากบึงกาฬไปทางอำเภอศรีวิไล อันนี้แหละครับผิดถนัดเนื่องจากจีพีเอสพาผมหลงทางไปภูสิงห์แทน ส่วนใหญ่เป็นทางเปลี่ยนยิ่งเข้าไปลึก็ยิ่งเป็นดงยางไม่มีบ้านคนเลยจะมองหาคนถามทางก็หาไม่เจอ เพราะมีแต่ดงดางแต่ผมก็ดันทุรังขับตามจีพีเอสดุ่ม ๆ ไปเรื่อย พอไปถึงภูสิงห์ (ไอ้เราก็นึกว่าภูทอกคนไม่เคยมานี่นา) กะจะไปถามพระภิกษุสงฆ์ด้านล่างเป็นสำนักสงฆ์ก็ไม่เจอใคร เจอแต่ไอ้ตูบสองตัววิ่งตามไปมา จึงตัดสินใจขับรถเก๋งใช้เกียร์ออโต้ขึ้นไปบนภูสิงห์ เกือบเอาชีวิตไปทิ้งซะแล้ว (คนไม่เคยไปอย่าขับรถขึ้นภูสิงห์นะครับ โดยเฉพาะรถเก๋ง ไม่ชำนาญทางอาจตกเขาได้ จะเล่าให้ฟังต่อนะ) ถึงทางจะลาดยางก็จริง แต่ทางเล็กชันมาก รถสวนทางได้ยาก และทางเป็นโค้งหักศอกหลายช่วง ใจหายไปอยู่ตาตุ่มนึกว่ารถจะจอดสนิทกลางทางเสียแล้ว ในใจก็ภาวนาอย่าให้รถสวนทางมาเลย ด้านบนจะมีที่พักรถหน่อยหนึ่งผมรีบจอดรถแล้วลงมา เดินไปถูทางอีกยังมีอีกเหรอวะเนี่ยะ แต่ผมคิดว่ามาจะถึงแล้วยังไงก็ต้องไปให้ถึงจึงวิ่งขึ้นไปต่อทันที ข้างบนเป็นหน้าผาสูงชัน มีลิฟสามารถพาขึ้นไปได้แต่เนื่องด้วยไม่รู้จะขึ้นยังไงไม่มีเจ้าหน้าที่ประสานงานเลย ตัดสินใจถ่ายภาพแล้วลงมาด้านล่างทันที ไอ้ตูบสองตัวที่อยู่ด้านล่างวิ่งตามมาให้กำลังใจผมตลอดขนมที่ซื้อไว้เลยให้ไอ้ตูบฟาดซะไม่เหลือ ตอนลงผมค่อย ๆ หย่อนลดทีละน้อย ๆ เพราะกลัวไถลลื่นตกไหล่เขา พอลงมาได้ถึงจะเห็นมีรถกะบะอีกคันน่าจะขึ้นมาตามดูผมมั๊งว่าขึ้นไปได้ยังไง แล้วตาก็เหลือบไปเห็นคนพม่ากรีดยางพอพูดไทยได้เขาบอกไม่ใช่ภูทอก เป็นภูสิงห์เอ้าจีพีเอสหลอกตูอีกแล้วเหรอเนี่ยะ เฮ้อกลับดีกว่า
ระหว่างทางกลับก็เห็นคนเต็มทางไปหมดเขาทำอะไรกันหนอ สงสัยจริงเลยลงไปดูชาวบ้านกำลังแข่งบั้งไฟ คนมาดูกันเต็มไปหมด พระก็มีสงสัยจะมาดูบั้งไฟกันแน่ ๆ เลย ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่จะมีการพนันขันต่อ และมาเชียร์บั้งไฟหมู่บ้านตนเอง ผมก็เสียว ๆ เหมือนกันไม่กล้าเข้าไปใกล้ ๆ เพราะเห็นข่าวถึงความอันตรายของบั้งไฟจึงนั่งห่าง ๆ ไกล ๆ ดีกว่า บั้งไฟที่ทำส่วนใหญ่จะมีสูตรใครสูตรมันส่วนการปล่อยขึ้นฟ้าคราวนี้ได้เห็นกับตามันขึ้นสูงจริง ๆ สูงจนไปสุดข้างบน แต่การแข่งขันเขาจะใช้วิธีการนับใครนานกว่าก็ชนะหนะ
และแล้วการผมก็ดั้นด้น ดันทุรังมาเรื่อย ๆ มองป้ายภูทอก บวกกับถามทางคนไปเรื่อยเอาแบบว่าไม่ค่อยแน่ใจแล้วกลัวจะหลงเป็นครั้งที่สอง ก่อนที่ท้องฟ้าจะหมดแสง ในที่สุดก็มาถึงประมาณเย็น ๆ ด้านล่างเป็นวัดภูทอก มีเจดีย์ มีบ่อน้ำสำหรับเลี้ยงปลาว คนที่ไม่เคยมาอย่างผมก็เดินงงละซิ แต่ก็สังเกตุได้ไม่ยากว่าทางไหนเป็นทางขึ้น แต่ว่าให้อ่านป้ายทางขึ้นก่อน ว่าที่นี่ไม่ให้เสียงดังเพราะที่นี่เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว ผู้หญิงไม่อนุญาติให้นุ่งกางเกงขาสั้นขึ้นไปเด็ดขาด สำรวมกาย วาจาใจ ก่อนขึ้นด้วยครับ
ทางขึ้นภูทอกก็ไม่ถึงขนาดกับสูงชันมากมาย แล้วก็มีบันไดเป็นช่วง ๆ เดินได้ไม่ยาก แต่ก็มีจุดสำหรับให้นั่งพักเหนื่อยไปเป็นระยะ ๆ ก่อนขึ้นตัวภูทอกก็ลองดูเอาว่าสิ่งที่ได้ขึ้นมานอกจากจะเป็นวิวสวย ๆ แล้ว ยังได้กราบนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนภูทอกอีกด้วย ด้านบนภูทอกเป็นผนังหินจากภูเขาถูกสร้างให้เข้ากับหลังคาที่ใช้กันแดดกันฝน ให้คนที่มาทำบุญ นั่งสมาธิใช้สถานที่นี้ในการปฏิบัติธรรม สุดยอดไปเลย เอ๊าะอ้อลืมบอกไปด้านบนมีห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาก่อนลงภูทอกอีกครั้งก็ดี
ในที่สุดผมก็กลับมาถึงที่พักในเวลาเกือบ 1 ทุ่ม แต่แดดก็ยังสว่างอยู่เลย ก็เดินเที่ยวริมโขงซึ่งตั้งไม่ห่างกับที่พักมากนัก จังหวัดไหนที่มี่น้ำโขงไหลผ่าน จังหวัดนั้นก็จะมีที่นั่งพักผ่อนริมแม่น้ำโขงและจะเป็นสถานที่ยอดฮิตของจังหวัดนั้นในช่วงเวลายามเย็น ที่เป็นแหล่งร้านอาหารต่าง ๆ มากมาย แต่ในตัวเมืองบึงกาฬส่วนใหญ่ร้านอาหารที่ผมเห็นจะเป็นร้านหมูกะทะซะมากกว่า เพราะไปทางไหนก็เจอแต่หมูกะทะ แต่ผมคงงดหมูกะทะกะว่าจะไปกินร้านอาหารที่บรรยากาศดี ๆ ซักหน่อย ก็ว่าเหนื่อยแล้ววันนี้จะได้ผ่อนคลายบ้างเหลือบไปเห็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่บริเวณริมโขงมีไฟตกแต่งน่ารักดีจึงลองไปกินอาหารต่อที่ร้านนี้ เป็นร้านจิ้มจุ่มอะ
จิ้มจุ่มร้านนี้ไม่ค่อยถูกใจผมซักเท่าไรเลย เพราะรสชาติไม่ถึงรส หรือว่าที่นี่เขาชอบกินรสชาติกันแบบนี้เราก็ไม่รู้ แต่พอสั่งส้มตำมาก็พอได้ แต่ก็ไม่ถูกปากเท่าที่ควรก็คิดว่าร้านนี้อาจจะบรรยากาศดีอย่างเดียว ส่วนอาหารควรน่าจะอร่อยกว่านี้ไม่งั้นลูกค้าจะเยอะกว่านี้แน่นอน ผมใช้เวลาอินกับบรรยากาศซักชั่วโมงกว่า ๆ ก็เผ่นแล้ว เพราะยุงเยอะชิหาย กัดไม่หยุดกลัวไข้เลือกออกถามหาไปดีกว่า
ก่อนกลับขับรถเล่นในเมืองซักรอบกะว่าจะมีอะไรให้ได้เห็นอีก แต่ว่าก็ไม่มีอะไรเพราะบึงกาฬเป็นเมืองเล็ก ๆ และเงียบสงบจริงน่าอยู่ ขับไปมาก็ไปโผล่เส้นหน้าโรงพยาบาลบึงกาฬก็พบกับศาลเจ้าแม่สองนางที่ตั้งอยู่บริเวณวงเวียนหน้าโรงพยาบาลบึงกาฬ จึงแวะสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลในการมาเที่ยวบึงกาฬทริปนี้ ก่อนกลับไปนอน
ตามประวัติที่พอรู้โดยปกติประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำโขงจะเสียชีวิตในลำน้ำโขงปีละหลายคน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการกระทำของเทพเจ้าทางน้ำ ชาวบ้านจึงจัดให้มีพิธีบวงสรวงเจ้าแม่สองนางเพื่อเป็นศิริมงคลและให้คุ้มครองผู้ที่ประกอบอาชีพทางน้ำให้พ้นจากภัยอันตราย
รุ่งเช้าผมตื่นมารับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า เดินดูวิถีชีวิตคนเมืองบึงกาฬว่าเช้า ๆ เขาทำอะไรกัน อาทิเช่นไปหาของกินบริเวณร้านค้าที่ชาวบ้านนำมาขายกัน ก็ดูเอาเองว่าของของกินที่บึงกาฬในตอนเช้า ๆ เขาน่ากินขนาดไหน อย่างเช่นร้านนี้ที่ผมกำลังกินอยู่อะ
จากนั้นไปเดินเล่นตลาดสดเทศบาลบึงกาฬต่อดีกว่า แต่ไม่ค่อยมีไรเลย หรือว่าเรามาสายไปอะ แต่นี้ก็ยังเช้าอยู่ มีพวกผัก ปลา เสื้อผ้า ขนม แกง ประมาณนี้ และเป็นตลาดเล็ก ๆ ไม่ใหญ่เท่าไร
เสร็จแล้วก็ขับรถวนไปเรื่อย ๆ ก็เห็นพระสงฆ์จำนวนมาก เยอะจริง ๆ หลายคณะ หรือว่าหลายสาย วนเวียนมาเป็นจำนวนมากบิณฑบาตรในช่วงเช้า ดูแล้วน่าใส่บาตรมากแต่ผมไม่ได้เตรียมของมาใส่บาตรเลย แหมเสียดายจัง
ขับผ่านโรงภาพยนต์บึงกาฬด้วยอะ มีรอบฉายภาพยนต์ แต่ไม่ได้เป็นโรงภาพยนต์ขนาดใหญ่ ผมต้องรีบเก็บไว้ดูเพราะอีกหน่อยผมเชื่อว่าถ้าโรงภาพยนต์ใหญ่ ๆ มาเปิดที่นี่คงไม่มีให้เห็นแน่เลย
กลับมาจากการสูดอากาศยามเช้าก็แวะมากินกาแฟหน้าห้องพักบรรยากาศริมแม่น้ำโขง สดชื่น ๆ ในยามเช้ากันก่อนซักพัก ก่อนที่จะเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวไม่ซัก 2 แห่ง ของจังหวัดบึงกาฬ
หน้าถัดไป >> |