แบ็คแพ็คเที่ยวพระตะบอง เมืองท่องเที่ยวระดับต้น ๆ ของกัมพูชา Battabang Travel
ทริปนี้เป็นทริปฉุกเฉิน แบบรีบ ๆ ร้อน ๆ ไม่ทันตั้งตัวอะไร มีข้อมูลเพียงว่าที่เขมรของกิน กับที่พักไม่แพงเท่านั้น แต่ด้วยจิตสำนึกของนักท่องเที่ยว ขับรถผ่านด่านชายแดนเขมรจะเข้าก็ยึก ๆ ยัก ๆ จะเข้าดีไม่เข้าดี กลัวเข้าไปพูดภาษาเขมรก็ไม่ได้ อีกทั้งภาษาอังกฤษก็โคตะระอ่อน เลยตั้งสติที่โรงเกลือว่าจะไปไหนดีต่อ คิดในใจว่าจะไปแค่บันเตียเมียนเจยพอ ไปดูว่าคนที่นี่เขาทำอะไร อยู่ยังไง มีอะไรเที่ยวไหมแค่นั้นจริง ๆ จอดรถที่โรงเกลือได้ (ฝากรถนะครับ 150 บาท ปลอดภัย อย่าไปจอดสุ่มสี่สุ่มห้าหละ) หยิบกระเป๋าเป้ได้เก็บอะไรได้ก็ใส่ไป กะว่าไปสักสองสามวัน เผื่อจะมีอะไรดี ตอนที่เข้าไปเวลาก็เกมือบเทียงแล้ว กว่าจะถึงคงเย็นแน ๆ เลย แต่ก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้วเพราะเรากินง่ายอยู่ง่ายไปไหนก็ได้สบาย ๆ
ตอนที่ผมเข้าด่านประเทศไทย ปกติตอ้งกรอกแบบฟอร์มกรอกออกเขมร แต่ช่วงที่ผมไปไม่มีแบบฟอร์มเขาบอกว่าคนมาเล่นการพนันเยอะแบบฟอร์มไม่มีถ้าจะออกด่านปอยเปตเหมือนเดิมไม่ต้องกรอกก็ได้ แค่สแตมป์พาสปอร์ตก็ได้แล้ว เขาจะคิดว่าผมไปเล่นคาสิโนหรือเปล่าหนอก็คิดในใจ แต่คงไม่คิดว่าผมจะไปเล่นการพนันหรอกมั๊ง เพราะว่ากระเป๋าเป้ลูกบะเร้อคงไม่เอาเงินใส่เป้ไปหรอก ไม่งั้นคงโดนปล้นตั้งแต่ฝั่งไทยแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะมีคนถามผมว่าไปไหนผมเลยตอบไปว่าเสียมเรียบ เหตุผลก็คือที่นี่เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเขมร ใครจะได้ไม่ต้องถามมากขี้เกียนสาธยาย พอเข้าด่านเขมรได้สูตรเดิมจะได้รับกับนามบัตรคาสิโนหลายแห่ง ผมกะว่าจะเก็บเป็นที่ระลึกไว้ดีกว่ามั๊ง เพราะที่นี่คาสิโนเขาเยอะจริง ๆ ผมเข้าเขมรเกือบทุกด่านคงเก็บนามบัตรคาสิโนไว้ได้หลายใบ หรือจะเอาไว้ให้สำหรับคนที่ชอบเสี่ยงโชคในอินเตอร์เน็ตดีได้เข้ามาดูดีกว่า (คิดเล่น ๆ ครับ ไม่ดีแน่นอน ผมไม่สนับสนุนให้คนเล่นการพนัน เพราะทุกวันนี้แค่หวยในประเทศไทย ก็กินคนไทยไปเยอะแล้ว ถ้าขืนไปให้เบอร์คาสิโนไว้เล่นในต่างแดนด้วย เงินทองคงไหลออกนอกประเทศแน่ คิดขำ ๆ นะครับ) เพื่อไม่ให้เสียมารยาทเก็บไว้ก่อน ถ้าจะเล่นเดี๋ยวมาของจริงดีกว่ามันเร้าอารมณ์ดี 555 (คิดเล่น ๆ อีกแล้ว ไม่อยากจะบอกว่ามาปอยเปตตั้งกี่ทีไม่เคยเข้าคาสิโนเลย กลัวรวยครับแล้วกลับบ้านไม่ได้อะ) เที่ยวแบบเดินดินกินข้าวแกงดีกว่าเยอะ
กำลังจะเดินเข้าถึงด่านฝั่งปอยเปตก็ถูกประกบด้วยไกด์เขมรพูดจาดี อัธยาศัยดี บอกว่าฟรีไม่เสียค่าอะไรในการนำเสนอข้อมูล ไอ้เราก็ยิ้ม ๆ คิดในใจว่าไม่จริงหรอก ถ้าตูไม่มีผลประโยชน์ จะช่วยฟรี ๆ จริงอะ เดินประกบติดตลอดทุกฝีก้าวยังกับเงาตูเลย พักเดียวบอกเขียนเอกสารตรงนี้ กับเจ้าหน้าที่ (ชุดเหมือนข้าราชการเขมรเลยอะ) ก่อนถึงที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองปอยเปต ตูจำได้ไม่ใช่ตรงนี้นี่หวะ เขาบอกว่าเดี๋ยวเขาเขียนให้เราบอกเขียนเองได้มาบ่อยเหมือนกัน พอเสร็จกำลังจะเดินออกไปบอกว่าขอค่าเขียนเป็นค่าหมึกหน่อยดิ 20 บาท (ดอกแรกตูโดนแล้ว ไม่เป็นไร 20 บาทเอง) พอไปถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองปอยเปตจริง ๆ เขาจะไม่ให้ไกด์เขมรเข้าไปยุ่งเราทำเอกสารไม่เสียตังเลยนะขาเข้า (อย่าพลาดไปเสียเงินหละ) พอก้าวออกจากทำเอกสารด่านปอยเปตฝั่งกัมพูชาเสร็จไกด์มาประกบอีกแล้วบอกว่ามีชัตเติลบัสฟรีรอส่งสถานีประจำทางไปบันเตียเมียนเจยต่อ รถสามารถเดินทางไปยังพนมเปญได้เลย เราคิดในใจว่าจะฟรีตรงนี้ไปโดนตรงโน้นปล่าววะ ก็ไม่ได้คิดไรมาก จำได้ว่าสถานีมันอยู่ไม่ไกลแล้วทำไมมีชัตเติลบัสวะ ระหว่างขึ้นรถก็เลยถามไปเรื่อยก็ถึงรู้ว่าเป็นสถานีรถโดยสารที่ปอยเปตแห่งใหม่ซึ่งเป็นของเอกชน ชื่อว่า สถานีรถโดยสารซูจิ้ง Sou Ching Poipet Tourism passenger international terminal
พอถึงสถานีรถประจำทางก็เลยถามว่าจะไปไหนดีสรุปเขาก็แนะนำพระตะบอง บอกสถานที่ท่องเที่ยวมาหลายที่มาก ก็น่าสนใจดี แต่เขาแนะนำว่าบันเตียเมียนเจยที่เที่ยวน้อย เราก็พอได้ยินมาอยู่บ้างว่าพระตะบองเมืองท่องเที่ยวที่ปลอดภัย เลยตัดสินใจซื้อตั๋วไปพระตะบองเยย ราคาต่อท่านอยู่ที่ประมาคนละ 10 ดอลล่า ระหว่างนั่งรอรถประจำทางไปพระตะบองก็ถามข้อมูลการท่องเที่ยวพระตะบอง ไปเรื่อยเขาก็จะถามแต่เรื่องเอาไกด์ไหม ที่พักมีไหม ผมบอกไม่เอาไปหาข้างหน้าดีกว่า จากนั้นก็เดินเที่ยวรอบ ๆ สถานีรถประจำทางเรื่อยเปื่อย เพราะต้องรอรถเที่ยว 13.45 น. จนรถมาให้เป๊บซี่เขาไป 1 กระป๋องจากนั้นชิ่งขึ้นรถเลยดีกว่า
มาดูบรรยากาศบนรถโดยสารไปพระตะบองกันดีกว่า บรรยากาศดีบ้าน ๆ ดีครับ เหมือนผมเป็นเด็กสมัยไปกับพ่อแม่เยยชอบอะ มีคนไทยมาด้วยแฮะเกือบสิบคน นอกนั้นคนกัมพูชา กับคนคนเดียอีก 1 คน ระหว่างโดยสารเห็นบรรยากาศการขึ้นรถแล้วไม่ยากครับ คนขับรถพูดภาษาอังกฤษได้พอโล่งในได้บ้าง ระหว่างทางก็นั่งดูป้ายตามข้างทางสังเกตุได้ว่าก่อนจะเข้าเมืองบไหนจะมีป้ายเมืองบอกเป็นภาษาอังกฤษ ช่วงที่รถประจำทางจอดตามสถานีตรงนี้ครับได้ลุ่น จะมีคนเอาสินค้ามาขายเยอะแยะเลย ที่ผมลุ้นหนะคือว่าจะเอาอะไรมาขายบ้างเนาะอยากดูที่มันในประเทศไทยเราไม่มีหนะ แต่ส่วนใหญ่เหมือนการนำสินค้าไปขายบนรถไฟเวลารถจอดแบบนั้นเลย แต่เราจะมาดูวิธีการขายของเขาว่าเหมือนบ้านเราหรือเปล่าว มาลุ้นตามคลิปวีดีโอกันนะครับ
รถใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ก็มาถึงวงเวียนที่จอดรถในพระตะบอง คนขับรถบอกว่าให้ลงที่นี้ และความรู้สึกท้าทายก็มาถึงเพราะว่าฝนจะตก แถมเวลาเกือบสี่โมงเย็นแล้ว ยังไม่มีจุดหมาย แบบว่าลอย ๆ อยู่ว่าตูจะทำไงก่อนดีกว่าคิดได้ว่าหาที่พักก่อนดีกว่า เพราะกลัวว่าไม่มีที่พัก กลัวว่าเวลามืดแล้วมันจะไม่ค่อยมีไฟ จากนั้นลงรถเลย ไม่กี่อึดใจเมล์เครื่องมารุมล้อมตัวผมไม่น้อยกว่า 10 คน พูดภาษาเขมรบ้าง ภาษาไทยก็เยอะหลายคน แต่พูดไม่ใช่ หน้าตาโหดเหมือนกันเฮ้ย ไม่เอาดีกว่าหนีออกวงมาก่อน เหมือนแมลงวันจะมากินขี้เลย (ขอพูดหยาบครับเพราะมันอย่างงั้นจริง ๆ อะ) พักเดียวเท่านั้นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดไทยชัดมาก หน้าตาเป็นมิตร บอกว่าเคยอยู่ไทยมาก่อนผมกะว่าเฮ้ยไอ้นี่เข้าท่าแฮะเลยขอเบอร์ไว้ แต่ไม่ทันไรกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาตอมอีกแล้ว ผมชิ่งไปตรงอื่นเลย พลันส่งสายตาให้เมล์เครื่องคนนั้นรู้ว่าเดี๋ยวมึงมาหาตูนะ ถ้าพลาดตูไม่รู้จะทำไงดีเพราะกำลังงงไปหมด จากนั้นชิ่งเดินไปไม่ไกลหาร้านขายซิมโทรศัพท์ก่อน เราก็พูดภาษาอังกฤษกับน้องที่ขายซิมโทรศัพท์หน้าร้าน ปรากฏว่าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยเอาแล้วซิงานเข้า ครั้นเดินกลับไปที่เดิมน้องเมล์เครื่องคนนั้นก็ไปไหนแล้ว แต่ด้วยความรู้สึกแค่หันหลังกลับน้องเมล์เครื่องคนนั้นกลับมาหาผมแล้วดำเนินการจัดการเรื่องซื้อซิมให้ผม แล้วพูดคุยกับเด็กคนนี้แล้วรู้สึกว่าคนนี้แหละไดรฟ์เวอร์ไกด์เขมรของตู จากนั้นก็ให้เขาพาไปโรงแรมก่อนที่จะตกลงเรื่องพาไปเที่ยวไหนคิดยังไงดีเอาและทีนี้เป็นเรื่อง
ผมรู้จักชื่อน้องคนนี้แล้ว เขาชื่อดา ฉายาดาจัดเต็ม เขามีอาชีพเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เขาบอกว่าถ้าลูกค้าจะใช้บริการใครก็เรียกใช้ได้เลย เพราะมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่นี่ไม่ต้องมีคิวเป็นแบบอิสระ ดาพาผมไปจองห้องพักที่ไปโรงแรมเย็น เย็น เกสท์เฮ้กส์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแยกตรงนั้นซักเท่าไร ราคา คืนละ 300 บาท มีแอร์ ทีวี ตูเย็น Wifire เครื่องทำน้ำอุ่นพร้อม ไปดูห้องพักก่อน
จากนั้นก็วางแผนท่องเที่ยวกันตั้งแต่วันนี้เลยว่าจะเอาไง วันนี้ทันไหม ไปดูอะไรกัน จะได้ถึงกี่โมง ดาจัดเต็มบอกแผนที่ปั๊บผมเอาเลย ลุยกันเลยดีกว่าตั้งแต่เย็นนี้เลย (ค่าใช้จ่ายไม่แพงดาคุยง่าย เอาประมาณว่า ค่าน้ำมันผมจ่ายเอง กับค่าสึกเหรอรถไม่แพง แต่ดากินกับเราทุกอย่างเหมือนกัน เขาขอค่าแรง 500 บาท ต่อวันอะ)
สถานที่แรกของเย็นวันนี้ไม่รู้ว่าจะเที่ยวได้แค่ไหนคิดว่าถ้ามาถึงตอนเช้าจะดีมาก ๆ เลย เพราะจะมีเวลาเที่ยวเยอะกว่านี้ แต่ก็เอาเหอะดาบอกว่ากลางคืนก็เที่ยวได้เดี๋ยวพาไปจนผมเบื่อเอง และแล้วการเดินทางในสถานที่แรกก็เริ่มแล้วที่ปราสาทไอพนม ที่ปราสาทไอพนมดูแล้วคงมีคนมาเที่ยวพอสมควร เพราะเห็นร้านค้า ที่ตั้งก่อนทางเข้าปราสาท รวมถึงร้านอาหารที่นั่งพัก รวมถึงบรรยากาศเย็นสบาย ๆ ที่มีต้นไม้ปลกคลุม บริเวณรอบ ๆ ปราสาทก็น่านั่งพักดี ส่วนตัวปราสาทก็ยังเห็นมีรูปร่างยังคงสมบูรณ์ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้เข้ามาดูความสวยงาม รวมถึงสิ่งก่อสร้างที่ยังมีให้เห็นอยู่ แต่เรื่องประวัติศาสตร์ไม่ขอพูดนะครับ เพราะส่วนใหญ่ไม่แน่ชัดรู้แค่ว่าที่นี่เคยถูกระเบิดสมัยสงครามเขมรแดง จึงมีร่องรอยของความเสียหายบ้างแต่ยังคงมีสภาพที่เป็นปราสาทให้เห็นอยู่ ค่าเข้าชมไม่เสีย และปราสาทไอพนมก็ตั้งอยู่ในเขตวัดไอพนม
พวกเรามาช้าและเดินทางมาถึงที่นี่ก็เย็นมาแล้ว ส่วนจะเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวอื่นนั้นคงลำบาก เพราะอยู่คนละเส้นทางกัน คงไม่ได้ไปไหนต่อแน่สำหรับวันนี้ นอกจากท่องราตรีในเมืองพระตะบอง เมื่อไม่รีบก็แวะเที่ยวตามรายทางไปดีกว่า ดูวิถีชีวิตความเป็นอยู่และชนมบท วัฒนธรรมว่าแตกต่างจากคนไทยเยอะไหม ลองดูได้จากทุ่งนาที่ปลูก บ้านเรือนไทยที่คนกัมพูชาอาศัยอยู่ รวมถึงความเป็นอยู่ว่าที่กัมพูชาไม่น่ากลัวอย่างที่ใคร ๆ เขากลัวกัน
ก่อนจะกลับมืดโพล้เพล้ น้องดายังพามาแวะวัดอีกแห่งหนึ่ง ชื่อว่าวัดสำรอง เพราะเขาบอกว่าเส้นนี้พรุ่งนี้ไม่ได้มาแล้ว ยังไงแวะวัดก่อน แหมเข้าใจนะเข้าวัดตอนกลางคืน จะมาให้ดูสถานที่ท่องเที่ยว หรือว่ามาทำอะไรเนี่ยะ แต่แสงสว่างก็ยังพอมี ผมจึงได้เห็นปราสาทหลังเก่า ซึ่งมีต้นไม้ปกคลุม มองดูแล้วสูงจากพื้นดินพอสมควร แต่ผมไม่เห็นมีทางขึ้นไปบนปราสาทเลย แต่ก็คงไม่กล้าขึ้นหรอกเพราะรกมาก แต่วันนี้ก็มีร่องรอยการก่อสร้างที่น่าสนใจอย่างทางเข้าโบสถ์หลังเก่าที่วัดสำรองทำแบบทางเข้านครธมเลยอะ แต่มองไม่ค่อยเห็นเพราะแสงจากขอบฟ้าลับไปแล้ว
ไม่นานนักดาก็พาผมไปกินอาหารริมแม่น้ำพระตะบอง จริง ๆ แล้วอยากกินอาหารแบบติดดินมากกว่า เพราะช่วงที่ผ่านมาเห็นถนนที่มีอาหารขายกันเต็มเลยเยอะแยะไปหมด ตั้งติดอยู่ริมแม่น้ำพระตะบอง แต่ดาบอกว่ามาทั้งทีอยากให้ประทับใจพาไปกินร้านอาหารอร่อย ๆ ไม่แพงบรรยากาศดีดี ดีกว่า ไปดูกันเลยว่ามีอะไรกินมั่งอะ หน้าร้านทำดีเหมือนกันชื่อภาษาไทยน่าจะชื่อร้านอาหารธิดาประมาณเนี๊ยะ ดาบอกว่างั้น ส่วนบรรยากาศในร้านอาหารเป็นแสงไฟสลัว ๆ ติดคลองปีเปลผูกให้นอนตามสูตรคนกัมพูชา ส่วนอาหารเมนูภาษากัมพูชาล้วน ๆ สั่งไม่ถูกเลยอะเลือกไม่ถูกได้แต่ชี้นิ้ว แล้วบอกกับดาสั่งมาเลยพี่หิวแล้ว ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรถึงท้องเลย
อิ่มแล้วนั่งชิว ฟังเพลงเขมรซักพักแต่อยากไปต่ออยู่ บอกให้ดาพาท่องราตรีว่าที่พระตะบองตอนดึกมีอะไรให้น่าเที่ยวบ้าง ดาบอกว่าอีกที่หนึ่งถ้าใครมาเที่ยวพระตะบองแล้วไม่ไปที่อนุสาวรีย์ตาตะบองขยุงแล้วไม่ได้มาที่นี่ เหมือนไม่ได้มาเพราะนี่แหละคือสัญลักษณ์ของเมืองพระตะบอง ตั้งอยู่กลางวงเวียนซึ่งสามารถไปพนมเปญได้ รถที่สัญจรบริเวณนั้นก็พอสมควร ดาหาที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ได้ผมก็เดินเข้าไปในบริเวณด้านล่างตาตะบองขยุง ไปกราบไหว้ขอพรเหมือนกับคนกัมพูชาที่มาขอพระเต็มบริเวณด้านหน้าตาตะบองขยุง แต่ส่วนใหญ่เขาจะมานั่งเล่นก็มี นั่งทำอะไรผมก็งงเหมือนฟังเพลง หรือจะแก้บนประมาณนั้น
มาพระตะบองผิดกับมาจังหวัดอื่น ๆ ในกัมพูชา เพราะความเจริญที่ผมเห็นโรงแรมร้านอาหารเยอะมาก รวมถึงบางโรงแรมมีคาสิโนด้วย ปั๊มน้ำมันก็มีร้านกาแฟดี ดี ให้นั่งเล่นอินเตอร์เน็ตฟรี แจ๋วครับที่พระตะบองที่ไม่เสียเที่ยวมา ผมยังอยากอยู่กับราตรีในพระตะบองต่อ เพราะเหมือนเที่ยวเสียมเรียบเลย น้องดาไม่ขัดศรัทธาพาไปต่อที่เห็นนะคาราโอเกะเยอะมาก ๆ เอาแบบว่าร้านคาราโอเกะเยอะกว่าคนเที่ยวอีก เพราะผมผ่านมาหลาย ๆ ร้านคาราโอเกะสาว ๆ นั่งหน้าร้านพึบพับไปหมด เอหรือว่าผมมายังไม่ดึกมากสาว ๆ เลยเยอะ แต่ผมให้ดาพาเที่ยวเท็กพระตะบองหรือผับดีกว่า วนดูซักรอบก็ไปนั่งกินเบียในเท็กเขมร ข้างในไม่ให้ถ่ายภาพเลย ขอบรรยายเป็นความรู้สึกให้แล้วกันว่า ข้างในเพลงที่เปิดส่วนใหญ่ก็ทำนองเร้าใจดี เป็นเพลงฝั่งยุโรปนะ สาว ๆ หนุ่ม ๆ เยอะดี เหมือนวัยรุ่นบ้านนอกบ้านเรา คล้าย ๆ เท็กในลาวเหมือนกัน แต่ดีจีขึ้นเวทีได้ก็รัวแร็บเป็นชุดผมก็นั่งฟังตั้งนานว่าพูดภาษาอังกฤษหรือว่าไงอะไรอยู่ทำไมเราฟังไม่ออกเลย ดาบอกว่าเขาพูดภาษาเขมรล้วน ๆ ดาก็ฟังไม่ทันเหมือนกัน เล่นเอาผมฮาเลย อ้อลืมบอกไปอีกนิดหนึ่งราคาเบีย น้ำอัดลม กระป๋องละ 3 ดอลล่านะ (เบียร์เขมรนะครับ) คนมีตังค์เขากินไฮเนเก้นน่าจะประมาณขวดละ 5-6 ดอลล่ามั๊งจำไม่ได้ ผมคนตังน้อยซัดเบียร์เขมรกระป๋องเดียวก็กินไม่หมดแล้ว เพราะเป็นเบียร์ดำ กินไม่ถูกคอแต่ดาบอกว่าคนพระตะบองเขากินเบียร์แบบนี้กัน วันนี้ตามันสว่างลุก ๆ ยังไงไม่รู้ไม่อยากกลับไปนอนเลยยังอยากจะเที่ยวต่ออีก แต่ว่ายังมีที่อื่นที่ไปต่อในวันพรุ่งนี้ กลัวเผลอใจไปหลงสาวเขมรเข้าก็ตัดสินใจกลับห้องไปนอนดีกว่า เจอกันในตอนเช้าตอน 6 โมงนะ (ผมบอกดาว่าอย่าแอบมาต่อหละ เพราะเห็นหน้าตาสาวเขมรน่ารักดี กลัวดาจะเบี้ยวผมพรุ่งนี้)
<<ติดตามตอนต่อไป>>
|