เปิดเส้นทางท่องเที่ยวสวนผึ้งแห่งใหม่ ไปที่ตลาดการค้าชายแดนไทยพม่าช่องตะโกบน
การเดินทางทริปนี้ผมตั้งใจจะสวนผึ้งเพื่อไปหาข้อมูลท่องเที่ยวพม่าทางรถยนต์ โดยใช้เส้นทางพุน้ำร้อน โดยมีคนเคนยูที่อาศัยอยู่ในสวนผึ้ง เข้าไปทำธุรกิจในพม่า (ปัจจุบันเขาเป็นคนไทยแล้วอะ) แต่เผอิญช่วงที่ผมไปเขาไม่อยู่โทรไม่ติดสงสัยยังอยู่ในพม่าแน่ ๆ จังหวะนี้ เพื่อไม่ให้เสียเที่ยวก็เลยต้องหาที่เที่ยวใหม่มาอัพเดทให้กับคนที่เข้ามาติดตามอันแน่ออนทัวร์ โดยได้ข่าวมาว่าที่สวนผึ้งมีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ เปิดให้เข้าท่องเที่ยวได้ เริ่มประมาณ เมื่อวันที่ 4 เดือนมีนาคม ปี 2556 ว่าเป็นตลาดชายแดนไทยพม่า ซึ่งเปิดขึ้นมาใหม่น้อยคนที่จะรู้จัก ขนาดคนพื้นที่บางคนในสวนผึ้งยังไม่รู้จัก แต่อันแน่ออนทัวร์ไม่พลาดในฐานะเด็กเก่าสวนผึ้ง จึงโทรให้พี่แดงเขากระโจมเตรียมรถคู่ใจพาผมไปเที่ยวตลาดชายแดนไทยพม่าสวนผึ้ง ในช่วงเช้า ๆ ให้หน่อย
พี่แดงบอกว่าเมื่อก่อนแกไปทำเหมืองแร่เส้นนี้แหละ นานแล้วทางลำบากมาก แต่ก็ไม่ได้ไปนาน จึงอยากไปดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อของพี่แดงไป เพราะทางนั้นรถเพลาเดียว หรือรถเก๋งหมดสิทธิ์ ผมไม่เคยไปก็ต้องฟังคนที่เคยไปแล้ว มีหน้าที่เป็นผู้ตามที่ดี ได้แต่นำคลิปวีดีโอ และข้อมูลสำหรับคนที่อยากจะมาเที่ยวให้ได้ไปดูกัน
การเดินทางจากตัวสวนผึ้งใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ไปเรื่อย ๆ ทางไปช่องตะโกบน หรือถ้าไม่รู้ก็ถามคนแถวนั้นก็ได้ว่าไปโรงเรียนช่อตะโกปิดทอง เพราะเป็นเส้นทางเดียวกัน พี่แดงขับรถมาจนพบด่านทหาร และก็ต้องรอจนด่านเปิด ตอน 9 โมงแหนะ ทหารบอกว่าปิดตอน 15.00 น. โดยต้องลงชื่อเข้าออกไว้ พร้อมนำบัตรประชาชนทิ้งไว้ จะได้รู้ว่าเข้าไปกี่คน เผื่อกลับมาไม่ครับ (กลัวหนีเข้าพม่าหรือเปล่าก็ไม่รู้) ผมเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกของวันนี้ ระหว่างรอก็เดินเล่นกลางสายหมอกบริเวณนั้น ๆ ก็ดูความสมบูรณ์ของผืนป่าชายแดนสวนผึ้ง ดูดอกหญ้า เดินไปเดินมาก็เห็นขี้กระต่ายป่าเต็มไปหมด แสดงว่าที่นี่ยังอุดมสมบูรณ์จริง
นั่งรอซักพักรถพ่อค้าแม่ค้า ก็เริ่มทะยอยเข้ามา พอคนมารอด่านเปิดเยอะขึ้น ก็เห็นแม่ค้ามอญนำสินค้ามาขาย ได้บรรยากาศแปลก ๆ ไปอีกดีแฮะปกติไม่ค่อยได้เห็นซักเท่าไร นั่งคุยไปเรื่อยจนเจ้าหน้าที่บอกว่าเดินทางได้แล้ว พี่แดงก็เตรียมพาผมไป แต่ระหว่างนั้นก็มีทหาร หรือคนในพื้นที่ที่นำเราเพาเดียวมาจอดรถบริเวณด่านทหาร เพราะว่าไปไม่ได้ ก็เดินทางไปพร้อม ๆ กับพวกเรา
ระหว่างทางเป็นทางสูงชัน ทางดิน มีน้ำไหลผ่าน วิ่งผ่านเหมืองแร่เก่า ระหว่างทางมีรวดหนามทหารระวังด้วยนะ เดี๋ยวจะเกี่ยวกับรถ หรือคนที่เดินทางไปมาจะอันตรายมาก ๆ
วิ่งไปซักพักผ่าสายหมอกที่ขาวโพลนทางมองเห็นราง ๆ ไม่เกิน 20 นาที ก็เห็นกับรถที่นำสินค้าไปขาย และป้อมทหารก็รู้ได้ว่ามาถึงแล้วตลาดชายแดนไทยพม่าช่องตะโกบน
ชาวพม่ายืนรอหน้าด่าน รวมถึงทหารพม่าก็มายืน เตรียมซื้อสินค้าจากรถฝั่งไทยที่นำไปขาย รถฝั่งไทยวันนี้มีแค่ 1 คัน ปกติจะมี 2-3 คัน แต่ช่วงนี้ฝนตก เขาคงกลัวว่าจะไม่มีคนมาซื้อสินค้ามั๊ง เพราะคนส่วนใหญ่เป็นพวก ชาวเขา กระเหรี่ยง กระหร่าง พม่า คนมอญ ไม่มากนัก สินค้าฝั่งไทย ก็จะเป็นพวกสินค้าสำเร็จรูป เครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ เหมือนกับร้านของชำเคลื่อนที่จะซื้อหาอะไร รถคันนี้มีหมด เครื่องดื่ม หมูแดง ยังมี ขนม ตระกร้า กะละมัง ถุงพลาสติกก็ยังมีขาย ส่วนราคาไม่แพง เพราะว่าขายชาวเผ่า ชาวเขา พวกเขาก็เงินน้อยอยู่แล้ว ผมยังโดปเอ็ม150 ขวดละ 10 บาทเลย
ส่วนฝั่งพม่า ผมเดินผ่านรั้วชายแดนแบบไม่ต้องทำพาสปอร์ต หรือบัตรผ่านแดน เพื่อไปดูสินค้าฝั่งพม่าบ้าง ส่วนใหญ่เป็นพริก ผักกรูด ผักต่าง ๆ สด ๆ สะอาด ปราศจากสารพิษแน่นอน กำละไม่เกิน 10 บาท ส่วนคนที่ไปเที่ยวชายแดนวันนี้คนไม่เยอะแต่ แย่งกันซื้อแทบไม่เหลือเลย แต่ถ้าเหลือก็ไม่ต้องกลัว เพราะว่าผักที่นี่จะมีพ่อค้ามารับซื้อที่ด่านชายแดนไปขายต่อในเมือง (กำไรเพียบ) รับรองเขาเหมาหมด เพราะราคาผักจากพม่าถูกมาก ๆ
นอกจากนี้เราจะได้ชมบรรยากาศชายแดนไทยพม่า ที่มีเหล่ารั้วของชาติยืนให้ถ่ายรูป พร้อมกับทหารพม่าอย่างเป็นมิตร ท่ามกลางป่าเขาที่ไร้ไฟฟ้า ไร้คลื่นโทรศัพท์ แต่จะได้เห็นสายหมอก กับบรรยากาศสดชื่น ๆ ท่ามกล่ามป่าเขา มีแต่เสียงนก เสียงธรรมชาติ ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติอันแท้จริงที่ยังคงรอนักท่องเที่ยวอีกหลาย ๆ คนได้เข้ามารู้จักเหมือนกับอันแน่ออนทัวร์ ที่ยินดีเป็นสื่อกลางสำหรับการมาเที่ยวจังหวัดบ้านเกิดของผม รอชมทริปหน้าผมจะเที่ยวทวาย ประเทศพม่า ผ่านด่านพุน้ำร้อนที่สวนผึ้งนะครับ
|