|
ล่องเรือหาปลาสัมผัสธรรมชาติสีเขียวในเขื่อนเชี่ยวหลาน Fishing in Green Nature Ratchaprapa Dam |
ทริปการเดินทางมาเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน หรือเขื่อนรัชประภา ที่หลายคนบอกว่าที่นี่คือกุ้ยหลินเมืองไทย ผมบอกได้เลยว่าคำพูดนี้ถูกต้อง แต่หลายคนคงได้มาแค่นั่งเรือชมธรรมชาติวิวสวย ๆ ของภูเขาหินปูน ได้สัมผัสธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ บวกกับได้เห็นผืนน้ำสีเขียวใสเท่านั้น หรือดีหน่อยก็อาจจะได้เข้ามานอนค้างที่แพพักซักหนึ่งคืน หรืออาจจะได้เดินทางเข้าไปเที่ยวชมแพ 500 ไร่ ก็คิดว่าถึงจุดสุดยอดของกุ้ยหลินเมืองไทยแล้ว แต่นั้นยังไม่ถึงขีดสุดของการได้มาเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานครับ เพราะว่าถ้าจะแบบผจญภัยท่องเที่ยวให้เข้าถึงธรรมชาติมากที่สุด ต้องเดินทางในป่า ล่องเรือให้ถึงต้นน้ำ แล้วก็หาปลาสำหรับการประกอบอาหาร หรือแม้กระทั่งนอนแพ หรือนอนบนเรือ หรือแม้กระทั่งผูกเปลนอนกับต้นไม้ แบบนี้แหละเขาเรียกว่าถึงแก่นแท้ของการมาเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานของจริง |
ล่องเรือหาปลาสัมผัสธรรมชาติสีเขียวในเขื่อนเชี่ยวหลาน ตอนที่1 Green Nature in Chaewlan Dam Part1 |
ล่องเรือหาปลาสัมผัสธรรมชาติสีเขียวในเขื่อนเชี่ยวหลาน ตอนที่2 Green Nature in Chaewlan Dam Part2 |
ทะเลหมอกและภูเขาบนสายน้ำสีเขียวใสในเขื่อนเชี่ยวหลาน
ธรรมชาติเขียวบริสุทธิ์ยังคงหาได้ที่เขื่อนเชี่ยวหลาน
ถ้าได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่คงหนีความวุ่นวายและชีวิตคงมีความสุขไม่ใช่น้อย |
|
การเดินทางครั้งนี้ผมได้รับคำเชิญจากพี่จเรคนพื้นที่บริเวณเขื่อนเชี่ยวหลานที่โตมากับการได้อาศัยเขื่อนเชี่ยวหลานนี้ในการดำรงชีพ เลี้ยงครอบครัวมาทั้งครอบครัวตั้งแต่เล็ก ไม่ว่าจะเป็นการหาปลารูปแบบต่าง ๆ การให้บริการขับเรือนำเที่ยว หรือแม้กระทั่งการได้ออกเดินทางดูแลผืนป่าในเขื่อนเชี่ยวหลานกับพี่ชายของเขา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลทรัพยากรณ์ธรรมชาติผืนป่าที่นั่น ทำให้ทริปนี้ผมได้รู้จักกับคนที่รู้จักธรรมชาติในเขื่อนเชี่ยวหลานที่แท้จริงอีกท่านหนึ่งเพิ่มด้วย พี่วิรัตน์เป็นพี่ชายของพี่จเรซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าคลองมุย ที่ต้องคอยดูแลเฝ้าระวังผืนป่าและสัตว์ป่าให้ยังคงอยู่กับธรรมชาติต่อไป โดยที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ป่าคลองมุยนั้นถูกจัดตั้งอยู่บนแพลอยที่อยู่กลางเขื่อนเชี่ยวหลาน เวลาเจ้าหน้าที่จะเดินทางก็ต้องใช้เรือเป็นพาหนะในการเดินทาง พี่วิรัตน์จึงอยู่กับน้ำและป่าเกือบตลอดเวลา และทุกครั้งที่เว้นว่างจากภาระกิจพี่วิรัตน์ก็จะไปหาปลานำมาประกอบอาหารทำให้พี่วิรัตน์เชี่ยวชาญเรื่องการหาปลา และทริปนี้ผมก็ได้ฝากท้องไว้กับพี่เขาสำหรับการมาเยือนเขื่อนเชี่ยวหลานครั้งนี้ |
|
|
เส้นทางสู่เขื่อนเชี่ยวหลาน
พี่จเร และพี่วิรัตน์ พรานปลา และคนพื้นที่แห่งเขื่อนเชี่ยวหลาน
หน่วยพิทักษ์ป่าคลองมุย
หน่วยพิทักษ์ป่าคลองมุย |
|
ตั้งแต่ผมได้ลงเรือในเขื่อนเชี่ยวหลานเพื่อไปยังที่พัก ผมก็ประทับใจมาก ๆ แล้วเมื่อได้เห็นวิวภูเขาหินสวย ๆ มากมาย มีเมฆหมอกปกคลุมเป็นช่วง ๆ บวกกับสายน้ำสีเขียวสวยทำให้รู้สึกสดชื่นมาก ผมเดินทางมาอาศัยพี่วิรัตน์กับพี่จเรด้วยความเป็นกันเอง และนอนแบบธรรมดาในธรรมชาติที่เขาใช้ชีวิตกันอยู่จริง มียังไงก็นอนอย่างนั้น กินอะไรก็กินเหมือนกัน ห้องน้ำมีแบบไหนก็ใช้แบบนั้น ทำให้ทริปนี้มันช่างเป็นทริปที่น่าตื่นเต้นแม้กระทั่งเรายังไม่รู้เลยว่าจะมีกิจกรรมอะไรบ้างเพราะต้องดูดินฟ้าอากาศด้วยว่าเป็นใจขนาดไหน |
|
|
|
บรรยากาศยามเช้า ณ เขื่อนเชี่ยวหลาน กุ้ยหลินเมืองไทย
วิวภูเขาที่อยู่ในน้ำ
เช้า ๆ หมอกจะลงหนาทำให้วิวภูเขาสวยไปอีกแบบ
อากาศสดชื่นมาก ๆ ธรรมชาติก็ยังบริสุทธิ์ |
|
หลังจากที่เก็บข้าวของเสร็จมีปลาชะโดแดดเดียวกับข้าวเปล่าในมื้อเที่ยงแล้ว เราต้องออกหาปลาเพื่อนำมาประกอบอาหารในมื้อเย็น โดยอุปกรณ์ที่เรานำไปหาปลาครั้งนี้ หลัก ๆ เราจะใช้คือปืนยิงปลา เพราะว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่เราถนัด คั้นจะไปตกปลาก็ไม่มีเหยื่อ เราเลยใช้ปืนยิงปลาที่มีอยู่ไปดำน้ำยิงปลาตามจุดที่คิดว่าน่าจะมีปลาอาศัยอยู่ และปลาที่เราหานั้นก็จะเน้นปลาใหญ่ ๆ และทริปการหาปลาจาการลงไปยิงปลาใต้น้ำนั้นก็ได้ปลาใหญ่มาอย่างละไม่กี่ตัว อาทิ ปลายี่สกตัวละเกือบ 10 กิโลกรัม จำนวน 2 ตัว ปลาชะโดตัวละ 1-4 กิโลกรัม ประมาณ 4 ตัว ปลาแรดหรือปลาเม่น ตัวโลกว่า ๆ จำนวน 1 ตัว ก็ถือว่าพอกินและพอที่จะเอาไปเก็บไว้เป็นอาหารในมื้อต่อไปเมื่อไม่ได้มีเวลามาออกเรือหาปลา |
|
|
|
|
; |
|
|
เครื่องมือหาปลาของพี่วิรัตน์พรานปลาเขื่อนเชี่ยวหลาน
เบ็ดตัวใหญ่สำหรับดักปลาไว้เป็นอาหาร
เครื่องมือประมงสำหรับใชหาปลาในเขื่อนเชี่ยวหลาน
ธรรมชาติสวยงาม
ปลาชุกชุมมากน้ำใสเขียวมรกต
พี่วิรัตน์ลงดำน้ำยิงปลาน้ำใสมาก
ปลาตัวใหญ่มาก ชะโดตัวนี้หนักถึง 4 กิโลกรัม
ปลาแรดที่หาได้พี่จเรบอกว่านี่ยังตัวเล็กอยู่เลย
ปลาที่หาได้สำหรับปรุงเป็นอาหาร
พี่จเร กับพี่วิรัตน์ ลงดำน้ำยิงปลาในเขื่อนเชี่ยวหลาน
ปลายี่ตกที่หาได้ในเขื่อนเชี่ยวหลานตัวใหญ่หลัก 10 กิโลกรัม
อันแน่ออนทัวร์หาปลา
การดำน้ำยิงปลาที่เขื่อนเขาสก
ปลาที่หาได้ส่วนหนึ่งเก็บไว้เป็นอาหารทานในวันอื่นด้วย |
|
พี่วิรัตน์ยังคงพาเราไปหาปลาต่อด้วยการวางอวนตาใหญ่ ๆ หรือที่ผมเข้าใจว่าเป็นตะคัดที่มีสภาพเก่า และมีรอยขาดมากมาย เผื่อว่าจะมีปลาเข้ามาติดบ้าง แต่ถ้าหากอวนเปื่อยและมีสภาพขาดเยอะ ๆ พี่วิรัตน์ก็จะนำอวนนี้ไปทำเป็นหมอน ด้วยการนำอวนไปยัดถุงพลาสติก หรือยัดในเสื้อ เพื่อเอาไว้รองศีรษะ แต่ว่าการมากู้อวนเก่า ๆ ครั้งนี้ก็ถือว่าโอเค เพราะมีปลากดเหลืองตัวขนาดครึ่งกิโลกรัมมาติดอวน 1 ตัว ก็ถือว่าอวนนี้อาจจะพอใช้งานได้อยู่บ้าง แต่ก็คงอีกไม่นานก็ถูกแปรสภาพไปทำเป็นหมอนแน่นอน |
|
|
ลวงอวน หรือลงตะคัดตาใหญ่ได้ปลากดเหลือง
กะชังใส่ปลาที่หาได้
กระชังที่หาปลาได้และยังเป็นอยู่ก็จะนำมาเลี้ยงไว้ในกระชัง |
|
การหาปลาของชาวบ้านในเขื่อนเชี่ยวหลานเพื่อนำไปเลี้ยงชีพนั้น เขาใช้เครื่องมือหาปลาเป็นอวนตาใหญ่ ๆ ในการดักปลา ด้วยการผูกไปมาตามตอไม้ที่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ หรือนำไปผูกกับกอหญ้าที่อยู่ตามเกาะในเขื่อนเชี่ยวหลาน จึงทำให้การดักปลาแต่ละครั้งก็จะได้ปลาขนาดใหญ่ แต่ก็ได้ปลาเพียงไม่กี่ตัว แต่ก็พอที่จะเลี้ยงปากท้องของคนในครอบครัวได้ แต่ผมคิดว่าเหนือสิ่งอื่นใด การได้มาดูชาวบ้านกู้อวนปลาในช่วงเวลาเช้า ๆ นั้น ผมได้สัมธรรมชาติ และบรรยากาศที่แท้จริงในเขื่อนเชี่ยวหลานที่หลาย ๆ คนอาจไม่เคยได้เห็น จนผมบอกได้เลยว่าไม่น่าเชื่อที่จะเห็นวิวสวย ๆ ของเทือกเขาที่มีหมอกรายล้อมแบบได้ใจขนาดนี้ แถมได้ยินเสียงสัตว์ป่า ได้เห็นนกมากมาย อาทินกเงือกเป็นฝูง นกอินทรี ฝูงค่างจำนวนมาก ที่มาหากินอยู่ตามริมชายป่าพร้อมส่งเสียงร้องเป็นระยะ ทำให้ได้เห็นและรู้ว่าที่นี่ยังคงอุดมสมบูณ์อยู่มาก แต่ที่สำคัญผมคิดว่าชาวบ้านที่มาหาปลาที่นี่คงจะมีความสุขกับการได้อยู่ท่ามธรรมชาติแบบนี้มากกว่า แค่หาปลาแบบพออยู่พอกินก็มีความสุขแล้ว |
|
|
ชาวบ้านในบริเวณเขาสกลงอวนหาปลา
ชาวบ้านกำลังกู้อวนปลา
บรรยากาศยามเช้าดีเอามาก ๆ
ชาวบ้านมาดูอวนปลาที่วางไว้เมื่อวานเย็นเป็นอวนตาขนาดใหญ่
ปลาที่หาได้ตัวใหญ่หนักเกือบสิบกิโลกรัม
ปลายี่สกติดครั้งหนึ่งกว่าจะเอาขึ้นมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย
ปลาที่หาได้ก็จะนำไปเป็นอาหารและอาจนำไปขายที่ท่าเรือขายปลา |
|
แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ นอกจากการได้มาล่องเรือชมธรรมชาติเขื่อนเชี่ยวหลาน และเขาสามเกลอแล้ว นั่นก็คือการได้เดินทางมาถึงต้นน้ำคลองมุย ที่ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก ๆ ด้วยการล่องเรือชมผืนป่าที่มีต้นไม้สูงใหญ่ และมีต้นไม้ที่หายากปกคลุมอย่างหนาแน่นในป่าดิบชื้น แถมบริเวณต้นน้ำยังมีปลามากมายจนทำให้ฝูงตัวนาคลงมากินแล้วทิ้งร่องรอยของซากปลาที่ยังสด ๆ ไว้ให้พวกเราได้เห็น น้ำที่ต้นน้ำคลองมุยบริสุทธิ์มากจนสามารถนำมาต้มดื่มได้สบาย อีกทั้งน้ำยังเย็นชื่นใจ บรรยากาศในบริเวณต้นน้ำคลองมุยก็ร่มรื่น ทำให้รู้สึกหนาวยังกับได้อยู่ในห้องแอร์เลย และถ้าหากครั้งนี้ผมไม่ได้เดินทางมากับพี่จเรและพี่วิรัตน์แล้ว ผมคงไม่ได้มาสัมผัสกับต้นน้ำและผืนป่าที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์แบบนี้แน่แท้ |
|
|
|
ธรรมชาติป่าดิบชื้นเขียวขจีมาก
ถึงแล้วต้นน้ำคลองมุยอากาศเย็นสบาย น้ำก็เย็นเจี๊ยบ
น้ำที่ต้นน้ำคลองมุยใสสะอาดมาก |
|
อาหารใต้แบบบ้าน ๆ ของฝีมือพี่จเรกับพี่วิรัตน์ที่ผมได้เข้ามาทานในครั้งนี้ ก็นับว่าเป็นอะไรที่ผมชอบเอามาก ๆ เลย เพราะนอกจากจะได้เรียนรู้วิธีการปรุงอาหารใต้แล้วยังได้รู้ถึงวัตถุดิบที่หาได้จากการปลูกผักไว้ทานบนแพ และก็วิธีการปลาที่หาได้ในเขื่อนเชี่ยวหลาน อาหารมื้อนี้จึงสด หวาน มัน อร่อย ปลอดสารพิษ ด้วยวิธีการปรุงอาหารที่หลากหลายแบบชาวใต้ โดยการปรุงอาหารครั้งนี้เราทำไปคุยกันไปได้บรรยากาศท่ามกลางความเงียบและความมืดต้องพกไฟฉายติดหัวไว้ตลอดเวลาแต่ก็สนุกเอามาก ๆ ขนาดเวลาทานข้าวยังต้องใช้ไฟฉายติดหัวกันเลย ตรงนี้อาจจะเป็นความชินของพวกพี่ ๆ ที่ต้องอยู่ท่ามกลางความมืดการทานข้าวของพวกเราในคืนแรกและคืนที่สองนั้นมันจึงเป็นอะไรที่สนุกและแปลกดี เพราะนาน ๆ ทีจะได้มาทานอาหารท่ามท่ามกลางบรรยากศแบบนี้ซักที |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ครัวและที่นอนอยู่ในห้องเดียวกันเลย
แกงเหลืองปลากดหน่อไม้ดอง
ปลาเขื่อนที่หาได้ในเขื่อนเชี่ยวหลาน
อาหารใต้มื้อนี้น่าทานมากมีทั้งแกงส้มปลากดหน่อไม้ดอง ต้มส้มปลาตะกรับ และต้มยำปลาชะโด
ทานอาหารกันบนเรือในเขื่อนเชี่ยวหลาน
วิวการทานอาหารมื้อเที่ยงบนเรือในเขื่อนเชี่ยวหลานสวยงามเอามาก ๆ
มื้อคำในคืนที่สองเน้นปลาเผาเกลือ
ปลาแรด ปลาชะโด เผาเกลือ น่าทานมาก |
|
ค่ำคืนนี้ผมได้พักผ่อนบนแพที่มีเสียงน้ำกระทบกับขอนไม้ ได้ยินเสียงสัตว์บางชนิดออกหากิน ได้สัมผัสบรรยากาศอันเย็นสบายแถมไม่มียุงมากวนตัวด้วย คืนนี้จึงเป็นคืนที่ผมหลับสบายจนถึงเช้า พอตื่นขึ้นมาก็เห็นทะเลหมอกกับทะเลภูเขาที่ลอยอยู่บนผืนน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงด้านหน้า มีแสงแดดอ่อน ๆ เข้ามากระทบกับผืนน้ำเป็นแสงระยิบระยับสวยงาม ผมบอกได้เลยว่าภาพเหล่านี้ที่ผมเห็นมันเป็นอะไรที่หาชมและรับรู้ได้ยากมากแล้วในเมืองกรุง แต่ทริปการเดินทางครั้งนี้สำหรับผมก็ยังไม่สมบูรณ์ดี เพราะผมยังขาดการเดินป่าเพื่อดูความสมบูรณ์ของธรรมชาติของผืนป่า และการวางเบ็ดดักปลาใหญ่ในเขื่อนเชี่ยวหลาน รอไว้โอกาศหน้าอีกไม่นานผมจะกลับมาเยือนใหม่อีกครั้งกับกิจกรรมบางอย่างที่ขาดหายไป เพราะความสุขแบบนี้หากันไม่ได้ง่าย ๆ ในธรรมชาติภาคใต้บ้านเรา เขื่อนเชี่ยวหลาน เขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี แล้วเจอกันใหม่ครับ กับอันแน่ออนทัวร์ กิน เที่ยว นอน ออนไลน์ |
|
ที่นอนสำหรับค่ำคืนนี้ของพวกเรา
นั่งทำงานไปชมวิวไปหาบรรยากาศได้ยากแล้วในเมืองหลวง
ธรรมชาติที่ยังคงมีให้เห็นหากช่วยกันรักษาผืนป่านี้ไว้ |
|
ที่ตั้งเขื่อนเชี่ยวหลาน หรือเขื่อนรัชประภา |
|